

เนื้อพะยูน
สรจักร ศิริบริรักษ์
ผมเฝ้ารอมันด้วยความอดทน ปกติจะมีรถจากตัวเมืองตรังมาที่อำเภอกันตังวันละเที่ยวก็จริง แต่รถจากกันตังมาที่บ้านพระม่วงมีเพียงเที่ยวเดียว เนื่องจากพระม่วงเป็นหมู่บ้านเล็กๆที่ไม่มีความสำคัญอะไรนัก ที่จะพอมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันอยู่บ้างก็เพราะชายทะเลแถบนี้มีสัตว์ทะเลชนิดหนึ่งอาศัยอยู่ คนกรุงเทพฯชอบเรียกว่าปลาพะยูน แต่ผมไม่เคยเรียกอย่างนั้นเพราะไอ้หมูน้ำพวกนี้ไม่ใช่ปลา ก็มันมีเต้านมเบ้อเริ่มเทิ่มจะเป็นปลาได้ยังไง แถวบ้านผมเขาเรียกมันว่าดูหยง แต่ถ้าชาวสุราษฎร์เขาเรียกมันว่าหมูดุด ผมรู้ดีกว่าใครทั้งนั้นแหละ ผมรู้ไปถึงตับไตไส้พุงของมันทีเดียวเลย ผมกล้าสาบาน นี่ก็บ่ายแก่จนเกือบค่ำแล้ว ไอ้เด็กเวรนั่นยังไม่มาสักที ถ้าวันนี้มันมาไม่ทัน รายได้ร่วมหมื่นเดือนนี้ของผมเป็นอันต้องหายวับไปกับตา
ไอ้เด็กนั่นชื่ออะไรนะ ผมจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าจะชื่อ “ คำหล้า ” หรืออะไรทำนองนี้ ใช่จริงๆ ชื่อมันแปลกจนผมสะดุดหูเมื่อได้ยินครั้งแรก สายส่งที่หาดใหญ่บอกผมว่ามันเป็นเด็กเหนือตัวอ้วนเหมือนหมู แต่ก็เฉลียวฉลาดใช้ได้ ความอ้วนของมันเป็นอุปสรรคในการหางานทำในเมืองหลวง มันเลยต้องตระเวนลงมาทางใต้ แม้กระนั้นบริษัทจัดหางานทุกแห่งในหาดใหญ่ก็ปฏิเสธการรับสมัคร โชคดีที่เพื่อนผมมันโทร.มาถามเพราะมันรู้ว่าผมกำลังต้องการผู้ช่วยอย่างยิ่ง
เด็กอีสานคนเก่าที่ช่วยงานผมมาเกือบปีลากลับไปสงกรานต์ที่บ้านแล้วก็หายสาบสูญไปเลย มันทำให้ผมสูญรายได้เดือนที่แล้วทั้งเดือน และผมก็กำลังเข้าตาจนด้วย ถ้าเดือนนี้ผมยังหาเงินไม่ได้เรือหาปลาลำเดียวของผมต้องถูกยึดแน่
ลมทะเลพัดมะพร้าวเอนลู่เป็นทาง มันพัดเอาเสียงคลื่นและเสียงมอเตอร์ไซค์เข้ามาพร้อมกัน ไอ้หนุ่มคำหล้ามาแล้ว มันอ้วนกว่าที่ผมคิด ตอนที่เพื่อนผมมันโทร.มาบอกว่าอ้วน ผมไม่นึกว่าจะอ้วนขนาดนี้ แต่ก็ช่างมันเถอะ ขอให้มันลงเรือได้ ถือไฟฉายได้ และแล่เนื้อได้ก็เพียงพอแล้ว อ้อที่สำคัญมันต้องไม่ปากสว่าง ข้อนี้ผมถือมาก มันทำท่าเก้ๆกังๆ แต่พอรู้ว่าผมคือคนที่ว่าจ้างมัน เจ้าหมูอ้วนก็ยกมือไหว้ผมนอบน้อม ท่าทางซื่อๆและยังอ่อนต่อโลก ผมพามันไปดูห้องเล็กๆหลังบ้าน เจ้าอ้วนพอใจกับค่าจ้างเดือนละหนึ่งพันพร้อมอาหารและที่พัก ก็น่าพอใจอยู่หรอก หมูอ้วนอย่างมันใครจะจ้างทำงาน เว้นแต่ผม
ผมปล่อยให้มันพักผ่อนตามสบาย โดยปกติผมไม่ใช่นายจ้างที่โหดเหี้ยมอะไรนักหนา แต่เวลาทำงานเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ผมอยากให้เจ้าอ้วนพักผ่อนเต็มที่ เพราะคืนนี้เป็นคืนเดือนแรม งานสำคัญกำมันสำคัญมากเชียวแหละ ผมจะพลาดไม่ได้ เพราะถ้าผมพลาดผมก็จะขาดรายได้อีกเป็นเดือนที่สอง นั่นหมายความว่าเรือหาปลาของผมต้องถูกยึดแน่ แล้วจะเอาเงินที่ไหนส่งให้ลูกชายที่กรุงเทพฯ
คิดถึงลูกชายครั้งใดผมก็อดภูมิใจไม่ได้ ตั้งแต่แม่มันตายตอนอายุได้ ๑๐ ขวบ ผมก็ปลุกปล้ำมันมาตลอด อาชีพชาวประมงอาจพอเลี้ยงให้อยู่ได้ไม่ขัดสน แต่ถ้าหมายถึงส่งลูกเรียนต่อมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ มันก็ดูจะเป็นความฝัน โชคดีที่เสี่ยฮงในตัวจังหวัดส่งคนมาทาบทามให้ผมหาเนื้อพะยูนป้อนตลาด มันอาจจะ
ยากเย็นเอาการ แต่ค่าตอบแทนจำนวนที่ผมไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนก็ช่วยให้ลูกชายคนเดียวของผมได้มีโอกาสไปเรียนบางกอกเหมือนลูกคนอื่นๆ แรกๆก็ยังพอหาได้อยู่หรอกเพราะชาวบ้านส่วนใหญ่ที่เป็นมุสลิมไม่กินเนื้อพะยูน แต่ยิ่งวันไอ้พวกหมูน้ำก็ร่อยหรอลงไปเรื่อยๆ คงเป็นเพราะมันออกลูกแค่คราวละตัวกระมัง กว่าสิบปีที่คลุกคลีอยู่กับมันทำให้ผมได้เรียนรู้ขึ้นอีกเยอะ ก่อนโน้นมันเคยมีหลายฝูง ฝูงละหลายสิบตัว ฝูงใหญ่สุดมีร่วมร้อยตัว ดำผุดดำว่ายอยู่ตลอดแนวหญ้าทะเล ตั้งแต่เขาแบะนะ หาดหยงหลิง หาดเจ้าไหม ระเรื่อยมาถึงหน้าบ้านผม เดี๋ยวนี้มันอยู่กันแถวแหลมจุโหยซึ่งอยู่ทางตะวันออกของเกาะลิบง เหลือเพียงฝูงเล็กๆนับรวมคงไม่เกิน ๔๐ ตัว กว่าจะล่าได้สักตัวก็หืดขึ้นคอพ่อค้าในตลาดมืดรู้ดีว่าผมเป็นพรานล่าพะยูนคนเดียวที่สามารถหาเนื้อพะยูนป้อนตลาด
ได้ทุกคืนเดือนแรม จะมีก็เดือนที่แล้วเท่านั้นที่ไอ้เด็กอีสานที่ผมจ้างไว้หนีกลับบ้านไป ทำให้เนื้อพะยูนขาดหนึ่งเดือนเต็ม พอๆกับเงินในกระเป๋าผมที่ขาดไปนั่นแหละ ที่จริงไอ้เด็กอีสานคนนั้นมันทำงานขยันขันแข็งดี เรียนรู้ทะเลได้เร็วใช้ได้ มันสามารถใช้ฉมวกยิงพะยูนในระยะ ๒๐ เมตรอย่างแม่นยำ
เด็กคนนี้ทำงานกับผมมาเกือบสองปี และไม่พูดมากด้วย แต่พอมันไปรู้มาว่าพะยูนเป็นสัตว์สงวนใกล้สูญพันธุ์เท่านั้น มันก็เผ่นหายไปเลย
ก็เสียวอยู่เหมือนกันว่ามันจะเอาเรื่องอาชีพของผมไปโพนทะนา แต่เดือนหนึ่งผ่านไป ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมเลยโล่งอกและสุมหัวในวงโปปั่นด้วยความสบายใจ
ไอ้หมูอ้วนคำหล้านี่จะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ ผมบอกมันแค่ว่าเป็นงานออกทะเลล่าสัตว์ ท่าทางมันตื่นเต้น ฟังดูก็ทุเรศดีเหมือนกันที่มันบอกว่าเพิ่งเคยเห็นทะเลครั้งแรกในชีวิต ไอ้พวกเด็กจากป่าจากเขาคงเป็นแบบนี้ทุกคน
สรจักร ศิริบริรักษ์
ผมเฝ้ารอมันด้วยความอดทน ปกติจะมีรถจากตัวเมืองตรังมาที่อำเภอกันตังวันละเที่ยวก็จริง แต่รถจากกันตังมาที่บ้านพระม่วงมีเพียงเที่ยวเดียว เนื่องจากพระม่วงเป็นหมู่บ้านเล็กๆที่ไม่มีความสำคัญอะไรนัก ที่จะพอมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันอยู่บ้างก็เพราะชายทะเลแถบนี้มีสัตว์ทะเลชนิดหนึ่งอาศัยอยู่ คนกรุงเทพฯชอบเรียกว่าปลาพะยูน แต่ผมไม่เคยเรียกอย่างนั้นเพราะไอ้หมูน้ำพวกนี้ไม่ใช่ปลา ก็มันมีเต้านมเบ้อเริ่มเทิ่มจะเป็นปลาได้ยังไง แถวบ้านผมเขาเรียกมันว่าดูหยง แต่ถ้าชาวสุราษฎร์เขาเรียกมันว่าหมูดุด ผมรู้ดีกว่าใครทั้งนั้นแหละ ผมรู้ไปถึงตับไตไส้พุงของมันทีเดียวเลย ผมกล้าสาบาน นี่ก็บ่ายแก่จนเกือบค่ำแล้ว ไอ้เด็กเวรนั่นยังไม่มาสักที ถ้าวันนี้มันมาไม่ทัน รายได้ร่วมหมื่นเดือนนี้ของผมเป็นอันต้องหายวับไปกับตา
ไอ้เด็กนั่นชื่ออะไรนะ ผมจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าจะชื่อ “ คำหล้า ” หรืออะไรทำนองนี้ ใช่จริงๆ ชื่อมันแปลกจนผมสะดุดหูเมื่อได้ยินครั้งแรก สายส่งที่หาดใหญ่บอกผมว่ามันเป็นเด็กเหนือตัวอ้วนเหมือนหมู แต่ก็เฉลียวฉลาดใช้ได้ ความอ้วนของมันเป็นอุปสรรคในการหางานทำในเมืองหลวง มันเลยต้องตระเวนลงมาทางใต้ แม้กระนั้นบริษัทจัดหางานทุกแห่งในหาดใหญ่ก็ปฏิเสธการรับสมัคร โชคดีที่เพื่อนผมมันโทร.มาถามเพราะมันรู้ว่าผมกำลังต้องการผู้ช่วยอย่างยิ่ง
เด็กอีสานคนเก่าที่ช่วยงานผมมาเกือบปีลากลับไปสงกรานต์ที่บ้านแล้วก็หายสาบสูญไปเลย มันทำให้ผมสูญรายได้เดือนที่แล้วทั้งเดือน และผมก็กำลังเข้าตาจนด้วย ถ้าเดือนนี้ผมยังหาเงินไม่ได้เรือหาปลาลำเดียวของผมต้องถูกยึดแน่
ลมทะเลพัดมะพร้าวเอนลู่เป็นทาง มันพัดเอาเสียงคลื่นและเสียงมอเตอร์ไซค์เข้ามาพร้อมกัน ไอ้หนุ่มคำหล้ามาแล้ว มันอ้วนกว่าที่ผมคิด ตอนที่เพื่อนผมมันโทร.มาบอกว่าอ้วน ผมไม่นึกว่าจะอ้วนขนาดนี้ แต่ก็ช่างมันเถอะ ขอให้มันลงเรือได้ ถือไฟฉายได้ และแล่เนื้อได้ก็เพียงพอแล้ว อ้อที่สำคัญมันต้องไม่ปากสว่าง ข้อนี้ผมถือมาก มันทำท่าเก้ๆกังๆ แต่พอรู้ว่าผมคือคนที่ว่าจ้างมัน เจ้าหมูอ้วนก็ยกมือไหว้ผมนอบน้อม ท่าทางซื่อๆและยังอ่อนต่อโลก ผมพามันไปดูห้องเล็กๆหลังบ้าน เจ้าอ้วนพอใจกับค่าจ้างเดือนละหนึ่งพันพร้อมอาหารและที่พัก ก็น่าพอใจอยู่หรอก หมูอ้วนอย่างมันใครจะจ้างทำงาน เว้นแต่ผม
ผมปล่อยให้มันพักผ่อนตามสบาย โดยปกติผมไม่ใช่นายจ้างที่โหดเหี้ยมอะไรนักหนา แต่เวลาทำงานเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ผมอยากให้เจ้าอ้วนพักผ่อนเต็มที่ เพราะคืนนี้เป็นคืนเดือนแรม งานสำคัญกำมันสำคัญมากเชียวแหละ ผมจะพลาดไม่ได้ เพราะถ้าผมพลาดผมก็จะขาดรายได้อีกเป็นเดือนที่สอง นั่นหมายความว่าเรือหาปลาของผมต้องถูกยึดแน่ แล้วจะเอาเงินที่ไหนส่งให้ลูกชายที่กรุงเทพฯ
คิดถึงลูกชายครั้งใดผมก็อดภูมิใจไม่ได้ ตั้งแต่แม่มันตายตอนอายุได้ ๑๐ ขวบ ผมก็ปลุกปล้ำมันมาตลอด อาชีพชาวประมงอาจพอเลี้ยงให้อยู่ได้ไม่ขัดสน แต่ถ้าหมายถึงส่งลูกเรียนต่อมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ มันก็ดูจะเป็นความฝัน โชคดีที่เสี่ยฮงในตัวจังหวัดส่งคนมาทาบทามให้ผมหาเนื้อพะยูนป้อนตลาด มันอาจจะ
ยากเย็นเอาการ แต่ค่าตอบแทนจำนวนที่ผมไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนก็ช่วยให้ลูกชายคนเดียวของผมได้มีโอกาสไปเรียนบางกอกเหมือนลูกคนอื่นๆ แรกๆก็ยังพอหาได้อยู่หรอกเพราะชาวบ้านส่วนใหญ่ที่เป็นมุสลิมไม่กินเนื้อพะยูน แต่ยิ่งวันไอ้พวกหมูน้ำก็ร่อยหรอลงไปเรื่อยๆ คงเป็นเพราะมันออกลูกแค่คราวละตัวกระมัง กว่าสิบปีที่คลุกคลีอยู่กับมันทำให้ผมได้เรียนรู้ขึ้นอีกเยอะ ก่อนโน้นมันเคยมีหลายฝูง ฝูงละหลายสิบตัว ฝูงใหญ่สุดมีร่วมร้อยตัว ดำผุดดำว่ายอยู่ตลอดแนวหญ้าทะเล ตั้งแต่เขาแบะนะ หาดหยงหลิง หาดเจ้าไหม ระเรื่อยมาถึงหน้าบ้านผม เดี๋ยวนี้มันอยู่กันแถวแหลมจุโหยซึ่งอยู่ทางตะวันออกของเกาะลิบง เหลือเพียงฝูงเล็กๆนับรวมคงไม่เกิน ๔๐ ตัว กว่าจะล่าได้สักตัวก็หืดขึ้นคอพ่อค้าในตลาดมืดรู้ดีว่าผมเป็นพรานล่าพะยูนคนเดียวที่สามารถหาเนื้อพะยูนป้อนตลาด
ได้ทุกคืนเดือนแรม จะมีก็เดือนที่แล้วเท่านั้นที่ไอ้เด็กอีสานที่ผมจ้างไว้หนีกลับบ้านไป ทำให้เนื้อพะยูนขาดหนึ่งเดือนเต็ม พอๆกับเงินในกระเป๋าผมที่ขาดไปนั่นแหละ ที่จริงไอ้เด็กอีสานคนนั้นมันทำงานขยันขันแข็งดี เรียนรู้ทะเลได้เร็วใช้ได้ มันสามารถใช้ฉมวกยิงพะยูนในระยะ ๒๐ เมตรอย่างแม่นยำ
เด็กคนนี้ทำงานกับผมมาเกือบสองปี และไม่พูดมากด้วย แต่พอมันไปรู้มาว่าพะยูนเป็นสัตว์สงวนใกล้สูญพันธุ์เท่านั้น มันก็เผ่นหายไปเลย
ก็เสียวอยู่เหมือนกันว่ามันจะเอาเรื่องอาชีพของผมไปโพนทะนา แต่เดือนหนึ่งผ่านไป ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมเลยโล่งอกและสุมหัวในวงโปปั่นด้วยความสบายใจ
ไอ้หมูอ้วนคำหล้านี่จะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ ผมบอกมันแค่ว่าเป็นงานออกทะเลล่าสัตว์ ท่าทางมันตื่นเต้น ฟังดูก็ทุเรศดีเหมือนกันที่มันบอกว่าเพิ่งเคยเห็นทะเลครั้งแรกในชีวิต ไอ้พวกเด็กจากป่าจากเขาคงเป็นแบบนี้ทุกคน
ห้าโมงเย็นผมปลุกไอ้หมูอ้วนให้มาช่วยเข็นเรือลงทะเล ลมพัดอ่อนๆขณะที่ผมพาเรือแล่นไปช้าๆตามแนวหาดเจ้าไหม น้ำใสมองเห็นทุ่งหญ้าชะเงาใบสั้นตะคุ่มอยู่ในระดับน้ำลึก ๕ วา เป็นแนวยาวเหยียดตลอดชายฝั่ง สมัยก่อนฝูงพะยูนชอบมาแทะเล็มหญ้าแถวนี้ ผมเคยแอบดูพวกมันกินหญ้าอย่างตะกละตะกลามตั้งแต่ยามเย็นจนสว่าง บางทีก็เกือบถึงเที่ยง แต่มาระยะหลังเมื่อมันถูกล่าจนลดจำนวนลง ผมก็ไม่เห็นพวกมัน ตอนกลางวันอีกเลย
ผมลอยเรือไว้หลังเกาะนกตรงสันเขาพอดี มองไปเห็นเกาะลิบงอยู่ลิบๆ พวกนายหัวอยู่กันที่นั่นแหละ เขตนี้เป็นเขตห้ามล่าพะยูน ต้องระวังตัวแจไม่ให้พวกมันเห็นได้ ผมคว้าเบ็ดราวมาหย่อนลงน้ำ กระตุกขึ้นกระตุกลงพักเดียวก็ได้ปลาเล็กๆหน้าโง่หลายตัวมันคงนึกว่าขนไก่ที่ปลายเบ็ดคงกินได้ ผมปลดพวกมันจากเบ็ด ตัดมันเป็นชิ้นร้อยร้อยเข้ากับเบ็ดขนาดกลางหย่อนลงทะเลแล้วให้เจ้าอ้วนถือไว้ ผมทำอย่างนั้นกับเบ็ดอีกสามสาย พักเดียวเจ้าอ้วนก็โวยวายลั่น ผมตะโกนบอกให้มันดึงสายเข้าเร็วๆ ถ้าเป็นปลาสากมันจะพุ่งกัดสายป่นปี้
แล้วปลาข้างเหลืองขนาดศอกก็ถูกวัดขึ้นบนเรือ มันเป็นสัญญาณว่าฝูงปลาเข้าแล้ว สายที่พันหัวแม่ตีนผมกระตุกวูบ ผมรีบสาวสายเอ็นโดยเร็ว เราได้ปลาข้างเหลืองขนาดไล่เลี่ยกันเจ็ดตัว เพียงพอแล้วที่จะเอาไปขายตลาด เพื่อให้เพื่อนบ้านคิดว่าผมเป็นชาวประมงธรรมดาๆที่มีรายได้จากการทำอาชีพสุจริต ผมบอกเจ้าอ้วนให้นอนพักเอาแรงไปจนกว่าจะถึงสองยาม
เรือเล็กๆไม่มีที่ว่างมากนัก มันถอดเสื้อหนุนนอนโดยเอาไม้กระดานปูพื้นพอให้นอนได้ พุงเป็นชั้นเหมือนพวกตลกอ้วนๆในหนัง แต่มันก็กระฉับกระเฉงคล่องแคล่วดี ผิวมันขาวสะอาดสมเป็นชาวเหนือ ผมเห็นรอยสักเล็กๆข้างสะดือ
“ สักอะไรเจ้าอ้วน ” ผมสงสัย คนเหนือชอบสักตามตัวแปลกๆ
“ พ่อกับแม่ครับ ” มันชี้ให้ดู คำว่าพ่ออยู่ข้างซ้ายของสะดือ แม่อยู่ที่ข้างขวา ตลกดี ไอ้ลูกแหง่
เสียงเจ้าอ้วนกรนแข่งกับเสียงคลื่นเล็กๆที่ม้วนตัวเข้าปะทะก้อนหินดังซ่าเบาๆ คืนนี้ เดือนดับจึงมองเห็นดาวใหญ่น้อยชัดเจน อากาศเริ่มเย็นจนต้องปลดผ้าขาวม้ามาห่ม ผมนั่งอัดยาเส้นรอเวลา ใจลอยไปถึงลูกชายคนเดียว มันกำลังอ่านหนังสือหรือเคลียคลออยู่กับสาวคนไหน เดือนนี้มันเร่งรัดค่าเรียนอีกหกพันบาท นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายประจำเดือนอีกสี่พัน นี่ถ้าเรือหาปลาของผมไม่ติดอยู่ในวงโปปั่น ผมคงไม่ร้อนเงินขนาดนี้หรอก และหากผมไม่มีเงินต่อดอกร่วมหมื่น เรือผมหลุดแน่ ผมยอมไม่ได้เด็ดขาดเพราะมันเป็นอุปกรณ์ยังชีพชิ้นสุดท้ายของผม
ดาวบนฟ้าบอกให้รู้ว่าสองยามแล้ว ผมงีบหลับไปเมื่อไรไม่รู้ ผมรีบปลุกเจ้าอ้วนให้ช่วยกันพายเรือไปอีกฟากหนึ่งของเกาะ ที่นั่นมีทุ่งหญ้าชะเงาเป็นแนวกว้างยาวเหยียด ฝูงพะยูนที่เหลือไม่เกิน ๔๐ กว่าตัวจะว่ายจากเกาะลิบงมาหากินที่เกาะนก ไอ้พวกหมูน้ำนี่เวลาตกใจมันว่ายน้ำได้เร็วพอๆกับเรือเครื่องเชียวแหละ แถมมันขี้ตื่นเอาเรื่องซะด้วย นี่คือเหตุผลที่ผมต้องค่อยๆพายเรืออ้อมมา ผมลอยเรืออย่างสงบ สอนหมูอ้วนคำหล้าให้รู้จักวิธีเปิดปิดไฟฉายแรงสูง มันพยายามถามผมสองครั้งว่าจะล่าอะไร แต่โดนผมตวาดเลยหุบปากเงียบ เรานั่งรอพวกมันอย่างสงบ
แล้วปลาข้างเหลืองขนาดศอกก็ถูกวัดขึ้นบนเรือ มันเป็นสัญญาณว่าฝูงปลาเข้าแล้ว สายที่พันหัวแม่ตีนผมกระตุกวูบ ผมรีบสาวสายเอ็นโดยเร็ว เราได้ปลาข้างเหลืองขนาดไล่เลี่ยกันเจ็ดตัว เพียงพอแล้วที่จะเอาไปขายตลาด เพื่อให้เพื่อนบ้านคิดว่าผมเป็นชาวประมงธรรมดาๆที่มีรายได้จากการทำอาชีพสุจริต ผมบอกเจ้าอ้วนให้นอนพักเอาแรงไปจนกว่าจะถึงสองยาม
เรือเล็กๆไม่มีที่ว่างมากนัก มันถอดเสื้อหนุนนอนโดยเอาไม้กระดานปูพื้นพอให้นอนได้ พุงเป็นชั้นเหมือนพวกตลกอ้วนๆในหนัง แต่มันก็กระฉับกระเฉงคล่องแคล่วดี ผิวมันขาวสะอาดสมเป็นชาวเหนือ ผมเห็นรอยสักเล็กๆข้างสะดือ
“ สักอะไรเจ้าอ้วน ” ผมสงสัย คนเหนือชอบสักตามตัวแปลกๆ
“ พ่อกับแม่ครับ ” มันชี้ให้ดู คำว่าพ่ออยู่ข้างซ้ายของสะดือ แม่อยู่ที่ข้างขวา ตลกดี ไอ้ลูกแหง่
เสียงเจ้าอ้วนกรนแข่งกับเสียงคลื่นเล็กๆที่ม้วนตัวเข้าปะทะก้อนหินดังซ่าเบาๆ คืนนี้ เดือนดับจึงมองเห็นดาวใหญ่น้อยชัดเจน อากาศเริ่มเย็นจนต้องปลดผ้าขาวม้ามาห่ม ผมนั่งอัดยาเส้นรอเวลา ใจลอยไปถึงลูกชายคนเดียว มันกำลังอ่านหนังสือหรือเคลียคลออยู่กับสาวคนไหน เดือนนี้มันเร่งรัดค่าเรียนอีกหกพันบาท นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายประจำเดือนอีกสี่พัน นี่ถ้าเรือหาปลาของผมไม่ติดอยู่ในวงโปปั่น ผมคงไม่ร้อนเงินขนาดนี้หรอก และหากผมไม่มีเงินต่อดอกร่วมหมื่น เรือผมหลุดแน่ ผมยอมไม่ได้เด็ดขาดเพราะมันเป็นอุปกรณ์ยังชีพชิ้นสุดท้ายของผม
ดาวบนฟ้าบอกให้รู้ว่าสองยามแล้ว ผมงีบหลับไปเมื่อไรไม่รู้ ผมรีบปลุกเจ้าอ้วนให้ช่วยกันพายเรือไปอีกฟากหนึ่งของเกาะ ที่นั่นมีทุ่งหญ้าชะเงาเป็นแนวกว้างยาวเหยียด ฝูงพะยูนที่เหลือไม่เกิน ๔๐ กว่าตัวจะว่ายจากเกาะลิบงมาหากินที่เกาะนก ไอ้พวกหมูน้ำนี่เวลาตกใจมันว่ายน้ำได้เร็วพอๆกับเรือเครื่องเชียวแหละ แถมมันขี้ตื่นเอาเรื่องซะด้วย นี่คือเหตุผลที่ผมต้องค่อยๆพายเรืออ้อมมา ผมลอยเรืออย่างสงบ สอนหมูอ้วนคำหล้าให้รู้จักวิธีเปิดปิดไฟฉายแรงสูง มันพยายามถามผมสองครั้งว่าจะล่าอะไร แต่โดนผมตวาดเลยหุบปากเงียบ เรานั่งรอพวกมันอย่างสงบ
แล้วพวกมันก็มา มองเห็นเงาขาวรางๆ เวลาโผล่ขึ้นหายใจที่ผิวน้ำเพียง ๒-๓ วินาที มันก็มุดกลับลงไปใหม่ มันดำน้ำไม่อึดนักหรอกแค่ ๒-๓ นาทีต่อครั้ง ผมจะฉวยโอกาสนี้แหละพิชิตมันให้ได้สักตัว ไม่ใช่ผมมักน้อยหรอกนะ แต่ถ้าผมยิงได้ตัวหนึ่ง ไอ้พวกที่เหลือก็จะเผ่นแน่บกันไปเหมือนฝูงเรือเร็ว เคล็ดลับคือต้องเงียบ ต้องใจเย็นและต้องแม่นยำ
ผมกระซิบบอกให้คำหล้าถือไปฉายเตรียมพร้อม ท่าทางมันตื่นเต้นกว่าตอนตกปลา ผมฉวยฉมวกประจำตัวอย่างคุ้นเคย พวกหมูน้ำดำผุดดำว่ายเข้ามาเชื่องช้า มันโผล่ขึ้นแล้วก็มุดลงไปกินหญ้าใต้น้ำเสียงดังฟู่ เวลาที่หนังปิดรูจมูกโผล่พ้นน้ำพ่นลมหายใจออกมา ท่าทางมันจะมีความสุขกับใบชะเงาอ่อนๆใต้น้ำอย่างช้าๆ มันค่อยๆเคลื่อนฝูงเข้าหาลำเรือที่จอดรออยู่ มันไม่รู้หรอกว่ายมทูตยืนรออยู่แล้ว
“ ส่องไฟ ” ผมกระซิบบอก นิ้วสอดโกร่งไกเตรียมพร้อม ไอ้อ้วนเปิดสวิตซ์ลำแสงขนาด ๒๐๐ วัตต์สว่างจ้าจับพื้นน้ำมองเห็นฝูงปลาพะยูนขาวโพลน เฉพาะที่กำลังโผล่ขึ้นหายใจไม่น้อยกว่า ๑๐ ตัว ผมเล็งฉมวกไปที่พะยูนอ้วนขนาด ๒๐๐ กิโลตัวใกล้สุด นิ้วเตรียมกระดิกไก
ไฟฉายดับพรึบ ! เล่นเอาผมตาลาย
“ เป็นอะไรไอ้อ้วน ” ผมกระซิบ
“ ปลาพะยูนนี่น้า มันเป็นสัตว์สงวนนะ ” มันกระซิบตอบ
ความโกรธแล่นขึ้นหน้า เด็กสมัยนี้มันเป็นบ้าอะไรกันหมดวะ พะยูนที่กำลังจะสูญพันธุ์กับเรือที่กำลังจะถูกยึด อะไรมันน่าสงวนกว่ากัน
“ ส่องไฟเดี๋ยวนี้ ไอ้ลูกหมา ” ผมเค้นเสียงอย่างขัดเคือง ถ้าไม่กลัวฝูงพะยูนผละหนี ผมคงฟาดมันด้วยไม้พายแล้ว
มันตกใจกับหน้าตาถมึงทึงของผม ท่าทางมันลังเล
“ เดี๋ยวนี้ ไม่งั้นมึงตาย ! ” ผมหันฉมวกไปทางมัน ไอ้อ้วนกลัวลาน มันยกไฟฉายมือไม้สั่น ฝูงพะยูนยังไม่รู้ตัว มันเข้ามาเกือบชิดเรือแล้ว แสงไฟสว่างพรึบขึ้นอีกครั้งหนึ่งผมเล็งฉมวกไปที่ตัวเมียขนาดใหญ่ มีลูกอ่อนตัวเล็กกำลังเคลียคลอที่เต้านม
ห่าเอ๊ย ! ไฟดับพรึบอีกครั้ง เสียงไอ้อ้วนตะโกนลั่น “ อย่ายิง มันมีลูกด้วย ”
เหมือนเกิดจลาจลในเรือ เสียงครีบหางตีน้ำดังโผง ฝูงพะยูนพุ่งร่างจากไปพอๆกับฝูงเรือเร็ว ความอดทนผมสิ้นสุดลง
ผมกระซิบบอกให้คำหล้าถือไปฉายเตรียมพร้อม ท่าทางมันตื่นเต้นกว่าตอนตกปลา ผมฉวยฉมวกประจำตัวอย่างคุ้นเคย พวกหมูน้ำดำผุดดำว่ายเข้ามาเชื่องช้า มันโผล่ขึ้นแล้วก็มุดลงไปกินหญ้าใต้น้ำเสียงดังฟู่ เวลาที่หนังปิดรูจมูกโผล่พ้นน้ำพ่นลมหายใจออกมา ท่าทางมันจะมีความสุขกับใบชะเงาอ่อนๆใต้น้ำอย่างช้าๆ มันค่อยๆเคลื่อนฝูงเข้าหาลำเรือที่จอดรออยู่ มันไม่รู้หรอกว่ายมทูตยืนรออยู่แล้ว
“ ส่องไฟ ” ผมกระซิบบอก นิ้วสอดโกร่งไกเตรียมพร้อม ไอ้อ้วนเปิดสวิตซ์ลำแสงขนาด ๒๐๐ วัตต์สว่างจ้าจับพื้นน้ำมองเห็นฝูงปลาพะยูนขาวโพลน เฉพาะที่กำลังโผล่ขึ้นหายใจไม่น้อยกว่า ๑๐ ตัว ผมเล็งฉมวกไปที่พะยูนอ้วนขนาด ๒๐๐ กิโลตัวใกล้สุด นิ้วเตรียมกระดิกไก
ไฟฉายดับพรึบ ! เล่นเอาผมตาลาย
“ เป็นอะไรไอ้อ้วน ” ผมกระซิบ
“ ปลาพะยูนนี่น้า มันเป็นสัตว์สงวนนะ ” มันกระซิบตอบ
ความโกรธแล่นขึ้นหน้า เด็กสมัยนี้มันเป็นบ้าอะไรกันหมดวะ พะยูนที่กำลังจะสูญพันธุ์กับเรือที่กำลังจะถูกยึด อะไรมันน่าสงวนกว่ากัน
“ ส่องไฟเดี๋ยวนี้ ไอ้ลูกหมา ” ผมเค้นเสียงอย่างขัดเคือง ถ้าไม่กลัวฝูงพะยูนผละหนี ผมคงฟาดมันด้วยไม้พายแล้ว
มันตกใจกับหน้าตาถมึงทึงของผม ท่าทางมันลังเล
“ เดี๋ยวนี้ ไม่งั้นมึงตาย ! ” ผมหันฉมวกไปทางมัน ไอ้อ้วนกลัวลาน มันยกไฟฉายมือไม้สั่น ฝูงพะยูนยังไม่รู้ตัว มันเข้ามาเกือบชิดเรือแล้ว แสงไฟสว่างพรึบขึ้นอีกครั้งหนึ่งผมเล็งฉมวกไปที่ตัวเมียขนาดใหญ่ มีลูกอ่อนตัวเล็กกำลังเคลียคลอที่เต้านม
ห่าเอ๊ย ! ไฟดับพรึบอีกครั้ง เสียงไอ้อ้วนตะโกนลั่น “ อย่ายิง มันมีลูกด้วย ”
เหมือนเกิดจลาจลในเรือ เสียงครีบหางตีน้ำดังโผง ฝูงพะยูนพุ่งร่างจากไปพอๆกับฝูงเรือเร็ว ความอดทนผมสิ้นสุดลง
ผมแล่นเรือเข้าเกยฝั่งช้าๆ ลูกค้าประจำรออยู่แล้ว ตีสามตรง
“ เป็นไง ” มันส่งเสียงทัก
“ น้อยหน่อย ” ผมยกกะละมังลงจากเรือ มันเข้ามาช่วยยกขึ้นตาชั่งท้ายรถกระบะ
อย่างชำนาญ มันต้องรีบทำเวลาเข้าตัวเมืองเพื่อนำเนื้อทั้งหมดไปตุ๋นยาจีนสำหรับลูกค้าพิเศษเช้านี้
ชาวจีนและมาเลย์เชื่อกันว่าเนื้อพะยูนเป็นยาโป๊ว น้ำมันใช้แก้ขัดยอกได้ ผมหั่นแยกเนื้อไว้เป็นชิ้นๆ
แล้วอย่างชำนาญเหมือนหมูสามชั้น เครื่องในอยู่อีกกะละมังหนึ่ง “ ตัวเล็กจริง เที่ยวนี้แค่ ๖๐ โล
สงสัยจะได้ลูกอ่อน ” ผมยิ้มรับ
มันจ่ายเงินปึกใหญ่ให้ผม ก็พอต่อดอกและส่งให้ลูกชาย อาจเหลือสักนิดพอเข้าวงโปปั่น สายตาเหลือบแวบเห็นอะไรบางอย่าง ผมดึงเนื้อติดหนังออกชิ้นหนึ่ง
“ อะไรวะ จ่ายเงินแล้วยังชักคืนอีก ของมีน้อย ” เสียงมันโวยวาย
“ ขอไว้สักชิ้น ” ผมจ่ายคืนสามร้อย
เสียงรถกระบะหายลับไป ผมยกเนื้อติดหนังก้อนนั้นดูชัดๆอีกที
ใช่จริงๆ มีรอยสักว่า “ พ่อ แม่ ” อยู่บนหนังขาวซีด ผมสะเพร่าอย่างไม่น่าให้อภัย
“ เกือบไปแล้วกู ” ผมขว้างมันลงทะเลไป
ความคิดแวบเข้าสู่สมอง สายวันนี้ผมน่าจะเข้าอำเภอโทร.บอกเพื่อนที่หาดใหญ่ให้หาผู้ช่วยให้สักคน เอาที่อ้วนๆ ขาวเหมือนหมู ยิ่งอ้วนมากเท่าไรยิ่งดี