วันพุธที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

สงครามกลางกรุง(เทพฯ)

กรุงเทพฯเมืองฟ้า.....สู่สามัญ


กรุงเทพฯเมืองฟ้า.....สู่สามัญ
O “ ทุกวันนี้ศึกไกลยังไม่ห่วง แต่หวั่นทรวงศึกใกล้ไล่ข่มเหง
ถ้าคนไทยหันมาฆ่ากันเอง จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง ”
นภาลัย สุวรรณธาดา

O โอ้กรุงเทพฯเมืองฟ้าคราสูญสิ้น เมืององค์อินทร์เสาเอกท่านเสกฝัง
งามช่อฟ้าวัดเคียงดุจเวียงวัง ไม่ลาสั่งจิตลับกลับวิมาน


O ปล่อยให้คนชั่วช้าบ้าอำนาจ ทำอุกอาจกำเริบสุดเสิบสาน
ไร้หิริเมตตาแสนสามานย์ สืบสันดานแบ่งขั้วความชั่วกัน

O โกรธชาวกรุงเรื่องใดใครรู้บ้าง ฤาเสกสร้างชะตาพบอาถรรพณ์
ให้เลือดไทยสิ้นวงศ์พงศ์เผ่าพันธุ์ เข่นฆ่ากันเหมือนใจไร้ซึ่งธรรม

O ฤาบอกใบ้สัจจามาแต่ต้น โลกีย์ชนโลภหลงลงทางต่ำ
ใช้ชื่อกลบตำหนิพฤติกรรม เลวระยำอำพรางสร้างฐานะ

O ลืมสำนึกเมตตามหากษัตริย์ เปรียบร่มฉัตรไทยคงทรงสละ
ทศพิธราชธรรมนำภาระ วิริยะหมายให้ไทยร่มเย็น

O ลืมความจริงหมายประชาได้อ้าปาก ปลดทุกข์จากแร้นแค้นที่แสนเข็ญ
ประชาสุขทรงปลื้มลืมลำเค็ญ คือประเด็นต้นแบบที่แยบคาย

O ชื่อบอกใบ้ผู้นำต้องคำสาป เหมือนมีบาปคนเหนือเจือความหมาย
ชื่ออยู่ใต้ปล่อยปละไม่ละอาย ตนสบายอีสานเหนือกลับเกื้อกูล

O ชื่อสมชายความหมายไม่สมชื่อ ความจริงคือบารมีที่เสื่อมสูญ
อีกไม่สร้างใยรักพรรคเพิ่มพูน จึงอาดูรหลีกหน้าลาวงการ

O อภิสิทธิ์สิทธิ์เหลือจึงเหนือรัฐ สิทธิบัตรปกครองสองมาตรฐาน
ปัญญาชนครองชนเช่นคนพาล หน้าที่งานหยาบหยาบสร้างภาพลักษณ์

O แล้ววันที่ปวงไพร่ไร้อำนาจ ใต้รอยบาทกู่ให้ได้ตระหนัก
ช่องชนชั้นวรรณะจะห่างนัก ช่วยปันรักแก่ประชาไพร่ราชัน

O ภาพเสธแดงทรุดร่างกลางปวงไพร่ จึงจุดไฟเข่นฆ่าล้างอาสัญ
กรุงเทพฯเมืองฟ้า.......สู่สามัญ หลอมวรรณะชนชั้นด้วยควันปืน

O สงครามกลางกรุงเทพฯเทพเสกสร้าง สุดอ้างว้างระทมสุดขมขื่น
เลือดระเบิดควันไฟใจกล้ำกลืน ยงหยัดยืนเพียงเวียงอินทร์สิ้นเผ่าไทย.

ศักดิ์สิทธิ์ นามสุวรรณ















เราควรอยู่วรรณะใด?
กษัตริย์
พราหมณ์
แพศย์
ศูทร
จัณฑาล
ขอพระสยามเทวาธิราชทรงคุ้มครองปกป้องความสำนึกแห่งไทยด้วยเทอญ.