วันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2551

นางเอกในวรรณคดี 2 - สาวิตรี / กากี / เพื่อนแพง




เพื่อนแพง
พระเพื่อนพระแพง เป็นสองพระธิดาผู้เลอโฉมของเมืองสรอง ได้ยินคำเล่าลือชมรูปงามของพระลอ กษัตริย์หนุ่มแห่งเมืองแมนสรวงก็เกิดตกหลุมรัก จึงได้ใช้อุบาย และทำเสน่ห์จนพระลอซึ่งมีพระมเหสีอยู่แล้วก็ทิ้งมเหสีและบ้านเมืองไปหาพระเพื่อนพระแพงที่เมืองสรอง แต่ที่สุดก็กลายโศกนาฏกรรมความรัก เพราะทั้งพระลอและพระเพื่อนพระแพงต่างต้องมาตายด้วยความแค้นของเจ้าย่าที่ไม่ยอมให้อภัยพ่อของพระลอที่ฆ่าสามีตน แม้จะเป็นเรื่องเศร้า แต่เมื่อใครเอ่ยถึงสาวใดว่าเป็นเหมือนพระเพื่อนพระแพง ส่วนใหญ่จะมีความหมายว่าหน้าตาคล้ายกัน หรือหน้าตาเหมือนกันมากกว่าจะกล่าวถึงเนื้อหาข้างต้น
กากี
กากีนับเป็นนางเอกที่อื้อฉาวที่สุดเลยก็ว่าได้ นางกากีนอกจากจะมีรูปกายงดงามราวกับเทพธิดาแล้ว ยังมีกลิ่นกายหอมเป็นพิเศษอีกด้วย ชายใดที่แตะต้องสัมผัสนางกลิ่นหอมก็ติดกายชายคนนั้นไปเจ็ดวันเลยทีเดียว นางกากีเป็นมเหสีของท้าวบรมพรหมทัตซึ่งโปรดการเล่นสกามาก โดยมีพระยาครุฑเวนไตยซึ่งแปลงร่างเป็นมานพรูปงามเป็นคู่เล่นสกา จนวันหนึ่งเล่นเพลินมิได้ไปหานางกากี นางจึงมาแอบดูและสบตาเข้ากับพระยาครุฑ ต่างก็เกิดอาการหวั่นไหว ต่อมาพระยาครุฑได้บินมาลักพานางไปยังวิมานฉิมพลี ทำให้ท้าวพรหมทัตกลัดกลุ้มพระทัย คนธรรพ์นาฏกุเวรซึ่งเป็นพี่เลี้ยงของพระองค์ก็อาสาจะลักพานางกลับมา แต่แทนที่จะพานางกลับเมืองกลับเกี๊ยวพาและได้เสียกัน ท่านท้าวจึงนำนางไปปล่อยแพกลางทะเล ต่อมานางได้รับความช่วยเหลือจากนายสำเภา ซึ่งได้รับนางเป็นภรรยา แต่เคราะห์กรรมนางยังไม่หมด ต่อมาถูกนายโจรมาลักพาตัวไปเพราะหลงไหลในความงาม ปรากฎว่าหมู่โจรเกิดการแย่งชิงนางนางหนีไปได้และได้เป็นมเหสีของท้าวทศวงศ์ นับดูแล้วนางกากีมีสามีถึง 5 คน แสดงว่าต้องเป็นคนที่เซ็กซี่มีเสน่ห์ดึงดูดเพศตรงข้ามอย่างมาก
สาวิตรี
นางสาวิตรี ชื่อนี้หลายคนอาจจะคุ้นหู แต่มักนึกไม่ออกว่าเนื้อเรื่องเป็นอย่างไร นางสาวิตรีเป็นพระธิดาของท้าวอัศวบดี เมื่อเติบโตเป็นสาว พระบิดาให้เลือกสามีเองตามใจชอบ ปรากฏว่านางได้เลือกพระสัตยวานเป็นสามี แม้จะถูกทัดทานว่าพระสัตยวานจะมีอายุได้อีกปีเดียว แต่เมื่อนางตกลงปลงใจแล้วก็ไม่เปลี่ยนใจและได้แต่งงานกันในที่สุด ต่อมาอีกปีพระสัตยวานก็ตายลงดังคำทำนาย นางสาวิตรีได้พบกับพระยม(มัจจุราช)โดยไม่แสดงความหวั่นเกรง และเดินตามพระยมที่พาวิญญาณสวามีไป ระหว่างทางนางได้ใช้สติปัญญาโต้ตอบกับพระยมด้วยถ้อยคำที่ไพเราะ จนพระยมใจอ่อนให้พรตามที่นางขอ นางจึงบอกต่อพระยมว่าพรสุดท้ายที่ขอนั้นไม่อาจสำเร็จได้ หากไม่มีสามี ในที่สุดพระยมก็ต้องคืนพระสวามีให้แก่นางสาวิตรี

5 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

นางสาวิตรีเป็นคนช่างเจรจาจริงค่ะอยากทำได้เหมือนนางจังค่ะพูดคุยกับใครก็จะได้สำเร็จตามที่หวัง
อิอิอิอิอิ
นางสาวศิริพร ตาลช่วง ม.6/9 เลขที่ 19ก

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

นางสาวกนิษฐา โพธิ์วัน ม.6/3 เลขที่ 6ก.
เมื่อได้อ่านข้อความดังกล่าวแล้วทำให้เห็นถึงความแตกต่างของบุคลิกลักษณะนิสัยของนางในวรรณคดีแต่ละตน ว่าถึงแม้จะมีสวยเหมือนกันแต่ก็ได้ใช้ประโยชน์จากความสวยกันนั้นไปต่างรูปแบบ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ชอบเรื่องสาวิตรีมากค่ะ เพราะสอนให้เราเป็นคนช่างเจรจา ใช้สติปัญญาในการพูด คือสอนให้เราเป็นคนที่คิดก่อนพูดนั่นเอง
น.ส.วิไลวรรณ แสนพันธ์ ม.6/5 เลขที่21ข.

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

นางในวรรณคดีแต่ละคนต่างก็มีบทบาทที่สำคัญของตนในแต่ละบทบาทแตกต่างกันออกไป
แม้บางคนอาจจะมองว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดี
แต่นั้นก็ล้วนให้แง่คิดเตือนใจแก่ผู้คนได้หลายแง่มุมจริงๆ

นางสาวนิชาพร ชะเอมทอง
ม.6/3 เลขที่ 16ก

กัลยรัตน์ แก้วโสด กล่าวว่า...

กากี สรุปแล้วก้ไม่ค่อยดี เปรียบกับผู้หญิงที่สวยแต่รุปแต่จูบไม่หอม เพราะชอบทำอะไรๆที่มันเปลืองตัวไปมาก
นางสาวกัลยรัตน์ แก้วโสด ม.6/9 เลขที่9ข