

วัฒน์ วรรลยางกูร
ไทรโยค กาญจนบุรี
28 สิงหาคม 2551

นายวัฒน์ วรรลยางกูร นักเขียนรางวัลศรีบูรพาคนที่ 19 ประจำปี 2550
เกิดเมื่อวันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2498 ที่ตำบลตะลุง อำเภอเมือง ลพบุรี เป็นบุตรคนเดียวของนายวิรัตน์ และนางบุญส่ง วรรลยางกูร แต่ยังไม่ทันโตจำความได้ บิดามารดาก็หย่าร้างกัน มารดาจึงพาไปอยู่บ้านเดิมที่จังหวัดปทุมธานี

พ.ศ.๒๕๐๕ เข้าเรียนชั้นประถมปีที่ ๑ ที่โรงเรียนประชาบาลวัดดาวเรือง ปทุมธานี เมื่อเรียนจบชั้นประถมปีที่ ๔ บิดาได้ติดต่อขออุปการะจึงพากลับไปอยู่ลพบุรีอีกครั้งหนึ่ง
พ.ศ.๒๕๐๘ เข้าเรียนชั้นประถมปีที่ ๕ อยู่กับย่าที่บ้านสวน ริมแม่น้ำลพบุรี ศึกษาต่อชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นที่โรงเรียนวินิตศึกษา
พ.ศ. ๒๕๑๔ เข้าเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่โรงเรียนพิบูลวิทยาลัย จังหวัดลพบุรี โดยไปเป็นเด็กวัดอยู่ในเมืองลพบุรี สอบตกชั้นม.ศ.๕ เพราะกำลังเริ่มสนใจการประพันธ์อย่างจริงจัง จนต้องเรียนซ้ำชั้น พิบูล ’ 16 รำลึก
แม่จิ๋ม แม่แจ๋ว แม่จุ๋ม และชาว 5/4 พิบูลวิทยาลัย พ.ศ.2516
ถึงแม้ปกติฉันจะเขียนหนังสือเป็นงานอาชีพมา 20 – 30 ปี ( จากพ.ศ. 2524 ) แต่การที่เจอไฟท์บังคับให้เขียนถึงความทรงจำสมัยเรียนพิบูลวิทยาลัย ก็ไม่ง่ายนัก ต้องใช้เวลาเข้าทรงระลึกชาติอยู่หลายเพลา จะเขียนเรื่องอะไร ช่วงเรียนมัธยมปลายที่พิบูลวิทยาลัย เป็นช่วงวัย 17-18-19 ปี มันจะมีอะไรสำหรับเด็กหนุ่ม นอกจากการจีบสาวไปตามสัญชาตญาณแห่งวัย เรื่องการจีบสาวของเด็กหนุ่มยุคโน้น หากเขียนเล่าไป เด็กรุ่นลูกหลานอ่านแล้วคงรำคาญว่า ไฉนมันชักช้า อืดอาด กว่าจะได้จับมือก็นิยายไปค่อนเรื่องไกล้จบแล้ว......ไม่เล่าดีกว่า อันที่จริงเป็นจังหวะบังเอิญเหลือเกินว่า คนรุ่นเราเติบโตมาเจอยุคสมัยเปลี่ยนแปลงทางการเมืองจากยุคเผด็จการ มาสู่ยุค ( ที่อ้างว่าเป็น ) ประชาธิปไตย คือ เหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 มันเป็นผลกระทบอันหนึ่งซึ่งทำให้คนรุ่นนั้น ยุคนั้นมีแนวทางชีวิต มีวิธีคิดแปลกออกไป.....แปลกไปแบบช่วยไม่ได้จริงๆ ( ถ้าเขียนคงยืดยาว )
อีกอันหนึ่งคือการได้มาเรียนแผนกศิลป์ของฉันที่พิบูลวิทยาลัย นับเป็นทางลิขิตชีวิตอันถูกต้องเหมาะเหม็งแม่จิ๋ม แม่แจ๋ว แม่จุ๋ม ปัจจุบันทั้งสามตะละแม่ก็มีวิถีชีวิตของตัวเอง ( มันจะของคนอื่นได้ไงล่ะ-ฮา )
ดูได้เลยว่าก็เป็นวิถีชีวิตที่ได้มาจากพื้นฐานการเรียนยุค 5/4 นั่นแหละ เช่น จิ๋มเก่งภาษาฝรั่งเศสและก็ถ่ายทอดวิชาให้ลูกสาวเข้าเรียนเตรียมอุดมฯได้อย่างดี ส่วนแจ๋วกับจุ๋มก็ไปเป็นครูอาจารย์ ที่ฉันเชื่อว่าเธอไปเป็นอาจารย์ที่มีจิตวิญญาณของความเป็นครู อันเป็นสิ่งที่เราได้รับถ่ายทอดมาจากครูของเราหลายๆคน..............ครูที่ไม่เป็นแค่คนรับจ้างสอนหนังสือ ยังจำได้ไหม ม.ศ.5/4 ( เท่ากับ ม.6 สมัยนี้ ) จิ๋ม – แจ๋ว – จุ๋ม จัดรายการเพลงสากลเสียงตามสายที่โรงเรียน ใช่.....ต้องเพลงสากล เพราะยุคนั้นอิทธิพลกระแสเพลงสากลบวกแคมป์จีไอมีมาอยู่ที่ลพบุรี ตาคลี อุดร ฯ ส่งผลกระทบให้เราฟังและหัดร้องเพลงสากล
เอลวิส , แพทบูน แก่เกินไป
รุ่นเราต้อง ซีซีอาร์ , บีจีส์ , โลโบ้ , ดอนนี่ ออสมอนด์ , จอห์น เลนนอน ( เดอะบีทเทิล )
คาเพนเตอร์ , ไซมอนด์ แอนด์กาฟังเกล ฯลฯ
แต่ถึงอย่างไรเมื่อเราจัดเพลงเสียงตามสายโดยดีเจ. ( สมัยโน้นยังไม่เรียกดีเจ. ) จิ๋ม+จุ๋ม+แจ๋วก็ยังต้องมีลำนำกลอนโดย “ กวีศรีพิบูลฯ ” คนนั้นแน่นอน ส่วนมันจะเข้ากับเนื้อเพลงหรือไม่ ก็มั่วได้
นั่นคือความทรงจำร่วมกัน ที่ฉันเชื่อว่าทุกคนในรุ่นนั้น ช่วงพ.ศ.2516 น่าจะเคยแว่วๆเสียงตามสายส่วนการเรียนแผนกศิลปะที่พิบูลวิทยาลัย กลายเป็นการก้าวสู่ทางชีวิตนักประพันธ์ คือว่าฉันเองใฝ่ฝันทางการประพันธ์มาตั้งแต่เรียนม.ศ.2 โรงเรียนวินิตศึกษา บังเอิญว่าในวิชาคณิตศาสตร์ บังเอิญครูผู้สอนเป็นครูประสิทธิ์ รอดแย้ม ที่ “ ซี้ ” กันกับฉัน ขนาดว่ายอมปล่อยให้นายวีรวัฒน์เอาหนังสือนิยายกำลังภายในมาอ่านได้ในชั่วโมงเรียน หรือจะม่ส่งการบ้านอะไรก็ได้เพราะได้เขียนหนังสือไปลงนิตยสารฟ้าเมืองไทย เป็นที่ภาคภูมิใจของชาววินิตศึกษา ( ส่วนหนึ่ง ) แต่สำหรับตัวฉันเองแล้วนอกจากความภาคภูมิใจยังเป็นเรื่องของการได้กะตังค์ใช้นี่ก็สำคัญไม่น้อย ( สำคัญมาก ) เขียนเรื่องสั้นลงนิตยสารชัยพฤกษ์ได้ 125 บาท เขียนกลอนได้ 25 บาท เขียนบทความได้ 30 บาท ( นายประสาท พาศิริ ก็เคยได้ 30 บาทเช่นกัน ในคอลัมน์เวทีเยาวชน ) จากนั้นเมื่อมาเรียนแผนกศิลป์ที่พิบูลวิทยาลัย ขอสารภาพว่าอะไรไม่รู้ทำให้ฉันไม่ตั้งใจเรียนเสียเลยนาควิชาคณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส สอบผ่านม.ศ.4 มาด้วยคะแนน 53 % พอเรียนม.ศ.5/3 สอบตก 49.5% ( ถ้าจำไม่ผิด )
อะไรที่ไม่รู้นี้เป็นสวรรค์สั่ง หรือนรกสาป โปรดพิจารณา
ก็สมควรที่จะสอบตกเพราะคณิตศาสตร์ส่งกระดาษคำตอบเปล่าๆ ส่วนภาคภาษาก็มั่วๆไป
แต่ไม่อยากคุยว่าวิชาภาษาไทย ข. ที่มีวิชาการประพันธ์ด้วยมักจะ ‘ ท็อป ’ ประจำ เพราะได้ครูดีคืออาจารย์ฉวีวรรณ สิทธิปาน
ความรู้เรื่องวรรณคดี โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ฉันได้จากอาจารย์ฉวีวรรณมากเกินกว่าการเรียนมัธยมปกติ กระทั่งสามารถไปประกอบวิชาอาชีพได้......คือปกติ นักประพันธ์เป็นอาชีพที่จะต้องไส้แห้ง จนต้องไปมีอาชีพอย่างอื่นเสริม เช่น เป็นนักหนังสือพิมพ์ เป็นข้าราชการ แต่ฉันเป็นนักประพันธ์อย่างเดียวเดี่ยวโดดเลี้ยงตัวเลี้ยงครอบครัวมาได้ ไม่รวยไม่จน รอดพ้นวิกฤตต่างๆมาจนทุกวันนี้ ก็ได้พื้นฐานการเรียนวิชาการประพันธ์ ( ภาษาไทย ข. ) กับอาจารย์ฉวีวรรณ ทำให้เป็นนักเขียนที่เขียนงานได้รอบตัวทั้งร้อยแก้ว – ร้อยกรอง
ลูกพิบูลฯแผนกศิลป์อย่างเรา ( กู ) จะให้เขียนอะไรก็ทำได้ นิยาย เรื่องสั้น สารคดี กวี บทหนัง บทละคร คอลัมน์ ฯลฯ
ครูสมัยที่วีรวัฒน์เรียนหนังสือ
พูดแค่นี้ก็น่าหมั่นไส้มากแล้ว เอาเป็นว่าฉันพูดเพื่อยกย่องครูวิชาการประพันธ์ของฉันที่พิบูลวิทยาลัยก็แล้วกัน
แม่จิ๋ม แม่แจ๋ว แม่จุ๋ม แม่ๆพ่อๆแห่ง 5/4 และลูกเขียวแดงทั้งหลาย เรื่องราวความหลังครั้งอยู่พิบูลวิทยาลัยที่จริงยังมีอีกมากหลาย เช่น การหนีโรงเรียน – ฮา งานฤดูหนาว กีฬาต่างๆ กระเทยหน้าสถานีรถไฟ และ จุด-จุด-จุดหลังสถานีรถไฟ ฯลฯ วันนี้ยุติแค่นี้ก่อน สารภาพว่าช่วงนี้ ‘ งานเข้า ’ จริงๆ ทิ้งไม่ได้เพราะลูกกำลังเรียนมหาวิทยาลัยสามคน – เอวัง
ส่วนเรื่อง 14 ตุลาคม 2516 นั้น ยืดยาวเกินกว่าจะเขียนในที่นี้
ขอยุติไว้เท่านี้ก่อนตามเงื่อนไขของเวลาที่มี พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้ามืดเข้ากรุงเทพฯ
รักเพื่อนลูกเขียวแดงทุกรุ่น ( ถ้าบังเอิญเจอช่วยแนะนำตัวด้วย ) ผมไม่ใช่ศิษย์ดีเด่นดีเด่อะไรหรอก เพียงแต่ยังเหลือความทรงจำของลูกพิบูลฯ แม้ไม่ได้ใกล้ชิด เพื่อนคนไหนใกล้ชิด โปรดช่วยสนับสนุน
วัฒน์ วรรลยางกูร
ไทรโยค กาญจนบุรี
28 สิงหาคม 2551
17 ความคิดเห็น:
ลูกเขียวแดง
จบออกไปแล้ว คิดดี ทำดี ได้ดีทุกคน
น.ส.ปนัดดา พวงพิกุล ม6/11 เลขที่ 14ก.
น่าภูมิใจที่รุ่นพี่ของเราทำความสำเร็จและสร้างชื่อเสียงให้แก่ ลูกเขียวแดง ของเรา และ รร. ของเราก็ได้สร้างกวีคนเก่งอีกด้วย
นางสาวสุจิวรรณ ท้วมวงษ์ ม.6/11 เลขที่ 23 ข.
ความสามารถของศิษย์เก่าโรงเรียนพิบูลวิทยาลัย ว่ามีความสามารถมากเพียงใด และสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียน เป็นการสอนศิษย์รุ่นหลังๆไปอีกด้วย
นายเขษม พลเศษ 2ข ม.6/11
น่าภูมิใจกับความสารถของรุ่นพี่พิบูลที่จบไปและยังเป็นแบบอย่างกับน้องๆรุ่นต่อไปอีกด้วย
น.ส.ณภัสสร มีสัจจ์ ม.6/6 เลขที่10 ก
โรงเรียนพิบูลวิทยาลัยได้ผลิตเด็กที่เก่งๆไว้ในสังคมอย่างมากมาย ยกตัวอย่างเช่นศิษย์เก่าดีเด่นคนนี้ที่ชื่อว่า วัฒน์ วรรลยางกูร ถึงแม้ว่าในสมัยเรียนเขาอาจจะเรียนไม่เก่งและยังซ้ำชั้นแต่ว่าเขาก็ประสบความสำเร็จได้เพราะว่าเขาทำตามในสิ่งที่เขาชอบและเขาเลือกทางเดินชีวิตที่ถูกทางจนได้รับรางวัลนักเขียนศรีบูรพาคนที่ 9 อาจารย์ศักดิ์ได้นำเรื่องนี้มาลงถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากเพราะว่าเสมือนเป็นแนวทางให้เด็กม.6เลือกทางเดินในการศึกษาต่อโดยให้เลือกทางที่เราชอบและถนัดเพื่อที่เราทำไปแล้วจะได้มีความสุขและประสบความสำเร็จกับสิ่งที่ทำ
นางสาวอาทิตยา ศุภพงษ์ เลขที่ 22ก. ชั้น ม.6/8
...ต่อให้มีกระจกที่ใสราวพื้น้ำ
ที่สะท้อนทุกสิ่งทุกอย่างได้เหมือนจริง
ก็ไม่สามารถสะท้อนภาพภายในจิตใจของเรา
ได้ชัดเจนดั่งกระจกแห่งความรอบรู้
ในดวงตาของเราเอง...
ทุกคนเองก็มีความรู้เก่งๆกันทั้งนั้นเลย ก็จบจากพิบูลนี่เนอะ 55555+
นางสาว เขมณัฏฐ์ ดิสสงค์ ม.6/5 เลขที่ 12(ข)
น่า ปลื้มใจ จังค่ะ โรงเรียนของเราได้สร้างบุคคลากรที่มี คุณภาพ มาสู่สังคม ไทยของเรา
น.ส.ณิชารีย์ คำคุณ เลขที่ ๑๖ เลขที่ ๖/๕
มีครูดีช่วยชี้แนะ ดีนักแล อยากเกิดเปงเดะศิลป์เหมือนกันนะเนี่ย ดูอิสระดีจัง ร.ร.พิบูลของเราดีจิงๆมี น.ร.ที่สร้างชื่อเสียงให้เยอะแยะเรย หุหุ
รร.เรามีแต่คนเก่งๆ อยากเก่งอยากนี้บ้าง
ภูมิใจค่ะที่มีรุ่นพี่เก่งๆแบบนี้
น.ส.ณิชากร บุญชำนาญ ชั้นม.6/6 เลขที่ 11ก.
น่ายินดีมากๆ ที่โรงเรียนของเราได้สร้างบุคคลที่มีคุณภาพ เก่ง และยังสร้างชื่อเสียงชื่อเสียงให้แก่โรงเรียนของเรา (รูปสวยมากค่ะ)
น.ส. กฤตินี รอดเสถียร ชั้น ม.6/10 เลขที่ 4ข
ดีใจที่โรงเรียนพิบูลวิทยาลัยมีรุ่นพี่ที่ทำชื่อเสียงให้กับ
โรงเรียน และดิฉันก็อยากให้น้องรุ่นต่อไปสร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียนเหมือนรุ่นพี่ด้วยค่ะ
นวพร สุนทโร เลขที่ 9ข ชั้นม.6/6
น่าชื่นชมจริงๆ ถึงจะจบไปแล้ว(แถมได้ดีซะด้วย)แต่ความเป็นลูกพิบูลก็ยังอยู่ในใจเสมอ
น.ส.มุกรินทร์ เพ็งสุวรรณ ม.6/6 เลขที่ 15ข
อาจารย์คะ รูปครูสมัยที่วีรวัฒน์เรียนหนังสือ มีแต่สาวๆแล้วก้อสวยๆทั้งนั้นเลยนะคะ ดูภาพแล้วนึกถึงสมัยก่อนจังค่ะ น.ส.ภัทรสุดา สุขโฉม ม.6/8 เลขที่ 17 ข
ศิษย์เก่ามีแต่เก่งๆ นับถือๆ
ภูมิใจมากๆ มีรุ่นพี่เก่งๆ
นางสาธันยพร บำรุง 6/4 10ข.
พิบูลวิทยาลัย ผลิตคนคุณภาพไว้มากมายเลยนะคะ
น่ายินดี และภูมิใจมากๆเลยค่ะที่มีรุ่นพี่เก่งๆ^^
น.ส.ปัฐมพร สมสกุล ชั้นม.6/4 เลขที่ 16ก
คิดดี ทำดี ได้ดีทุกคน เมื่อเราจบไปเราต้องเป็นคนดีให้เหมือนรุ่นพี่ๆ ให้ได้
น.ส.ปรีณาภา ปล้อไงม้ ชั้นม.6/8 เลขที่ 15 ข
ลูกเขียวแดงทุกคนอยากย้อนเวลากลับไปหาอดีตที่มีแต่ความสนุกซักครั้ง
แสดงความคิดเห็น