วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

ภาษาไทยสื่อของหัวใจ - เรื่องสั้น


เพื่อนของผม
คำกก- ศักดิ์สิทธิ์ นามสุวรรณ
ผมเชื่อว่าผู้ใหญ่ทุกคนต้องเป็นคนดีเพราะเขาใช้ชีวิตผ่านวัยวาร จากวัยเยาว์และรับผิดชอบสิ่งต่างๆมามากมาย ผมไม่เคยมีอคติและคาดหวังอะไรในตัวผู้ใหญ่นอกจากความเชื่อว่า ผู้ใหญ่ทุกคนเป็นคนดีและเด็กอย่างผมสามารถพึ่งพิงผู้ใหญ่ได้เสมอ ไม่ว่าพ่อ แม่ ลุง ป้า น้า อา หรือครู
นายสมนึก พิพัฒน์ ชื่อผมเอง ผมเรียนหนังสืออยู่ชั้นม.๕/๔โรงเรียนมัธยมประจำอำเภอ โรงเรียนของผมตั้งอยู่ท่ามกลางทุ่งนานับพันๆไร่ ผมมีความสุขกับการเฝ้าสังเกตการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติรอบๆโรงเรียนมากกว่าการเรียนหนังสือตั้งแต่เปิดเทอมถึงปิดเทอม ลุง ป้าและชาวบ้านกลุ่มใหญ่จะนั่งอีแต๋นแยกย้ายกระจายหายไปกับแปลงนาของตนและปักดำข้าวกล้า ไม่นานกล้าก็ใหญ่และแข็งแรงยืนต้นเขียวไสวไปทั่ว ต้นมะพร้าว ต้นกล้วยตามคันนาแกว่งใบยาวรีล้อลมเล่นไปมา นกกระยางขาวฝูงใหญ่โผลงกลางทุ่งข้าวแทรกตัวหากุ้งหอยปูปลาไม่รีบร้อนตั้งแต่เช้ายันเย็น
ธรรมชาติเช่นนี้สร้างความสุขแก่ผมมานับสิบปี มันสงบกว่าอยู่บ้านฟังเสียงเครื่องมือซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ของพ่อที่โยนลงกล่องเครื่องมือดังแกร๊งๆเป็นระยะๆ และเสียงเข้มๆของพ่อสั่งหยิบโน่นหยิบนี่จนกว่าจะซ่อมมอเตอร์ไซค์เสร็จ ผมอยากจะไปช่วยลุงกับป้าทำนามากกว่าจะเป็นช่างซ่อมรถจิปาถะเหมือนพ่อ มันดูเร่งรีบ วุ่นวายและสกปรก แต่จะให้ไปค้าขายเหมือนแม่ยิ่งทำไม่ได้แน่ๆเพราะเสียงแม่ที่ร้องขายกับข้าวสำเร็จมันออดอ้อนชวนให้ผู้ฟังวิ่งออกมาซื้อไปตลอดเส้นทาง อย่างดีผมก็แค่ช่วยแม่เข็นรถแบบขวยเขินทำหน้าเจื่อนๆอย่างทุกข์ทรมาน
“ ครูจะขอบอกผลการสอบกลางภาควิชาสังคมศึกษา คะแนน ๒๕ คะแนน ”
ครูมนูญ ซึ่งจบปริญญาโทปีกลายกลับมาสอนสังคมผมอีก
“ น.ส.กนกรัตน์ ๒๔ คะแนน น.ส.กนกวรรณ ๒๒ คะแนน นายพิชชา ๒๐ คะแนน.........”
ครูมนูญมักละเอียดรอบคอบจัดเรียงลำดับคะแนนสูง – ต่ำมาบอกพวกเรา แต่ก็ไม่น่าตื่นเต้นสักนิดเพราะใครๆก็รู้ว่าใครจะอยู่ในกลุ่มไหน
“ นายสมนึก ๗ คะแนน......” ผมได้ยินแว่วๆแต่ก็ยิ้มเพราะมีเพื่อนต่อคิวผมไปอีก ๒ คน แต่ทว่าได้คะแนนเหมือนผม
“ นายสมนึก เธอเรียน ม.๕ แล้วนะ ปีหน้า ม.๖ และจะต้องใช้วุฒิม.๖ไปสอบแข่งขันเรียนต่อที่อื่นๆอีก เธอยังเหลวไหลไม่เปลี่ยนแปลง หนีโรงเรียนเป็นประจำ การเรียนไม่มีพัฒนา ไม่ดูตัวอย่าง อย่างนายพิชชาเขาบ้าง.......”
ผมทำหน้าสลด ยอมรับผิดกับครูมนูญเหมือนเคยเพื่อให้แกสบายใจ คำตักเตือนของแกทำเอาผมซึ้งใจทุกครั้งและนึกขอบคุณแกในใจเสมอ แล้วผมก็ลืมมันให้ผ่านไปเร็วดั่งสายลม ผมรู้ระบบการเรียนดีว่าถ้าตก ติด ๐ , ร , มส. ผมไปยื่นคำร้องมาสอบแก้ตัวผมต้องผ่าน ผมต้องรับผิดชอบในการเรียนและการสอบแก้ตัว จะได้เอาเวลาส่วนใหญ่ไปนอนเล่นที่เพิงเล็กๆด้านหลังโรงเรียน เฝ้ามองท้องฟ้า นาข้าว กอบัว ปลาซิว ปลาหมอว่ายผ่านกอข้าวไปมา หรือมากู้เบ็ดราว ๔ – ๕ คันที่ปักดักปลาช่อนเอาไว้ พอได้ยินเสียงกริ่งสัญญาณเลิกเรียนจึงวิ่งลัดเลาะเข้ามาภายในโรงเรียนและกลับบ้าน
บ้านของผมอยู่ในตลาด ตลาดอยู่ทิศเหนือห่างจากโรงเรียนประมาณ ๑ กิโลเมตร ผมมีจักรยานประจำตัวคันหนึ่ง พ่อบังคับให้ถีบมาเรียนหนังสืออย่างตรงไปตรงมา ไม่เถลไถล พ่อซ่อมให้ด้วยมือพ่อเองทุกอย่างตั้งแต่ขัด พ่นสี ดัดวงล้อ เปลี่ยนโซ่ ยางใน ฯลฯ แรกๆมันทำให้ผมภูมิใจมาก เป็นพาหนะคู่กายที่เพื่อนๆหลายคนอิจฉายกเว้นแต่พิชชา กนกรัตน์ และกนกวรรณ
พ่อของพิชชาเป็นนายตำรวจและแม่เป็นพยาบาลทำงานในตัวจังหวัด พ่อพิชชาขับรถปิกอัฟรุ่นใหม่มาส่งที่โรงเรียนและรับกลับทุกวัน บางวันอาจเป็นรถเก๋งของแม่บ้างแต่ไม่บ่อยนัก พิชชาเป็นความหวังของพ่อ พ่อต้องการให้เรียนนายร้อยตำรวจ ส่วนพี่สาวและน้องสาวเป็นภาระของแม่ที่จะปลูกฝังให้เป็นพยาบาลหรือเภสัชกร ตอนอยู่ม.ต้นพิชชาเรียนในโรงเรียนในจังหวัดแต่คะแนนไม่ถูกใจพ่อจึงให้มาเรียนที่นี่เพราะอาจารย์ใหญ่มีฐานะเป็นลุงของพิชชา พิชชาเป็นเพื่อนที่ดีของผม เราเรียนด้วยกันตั้งแต่ม.๔ เล่นฟุตบอล ตะกร้อ ฝึกลูกเสือ ฯลฯ เขาไม่เคยรังแกหรือเอาเปรียบใครเลย เป็นเด็กหัวอ่อนกลับบ้านกับพ่อตรงเวลาทุกวัน
กนกรัตน์และกนกวรรณเป็นพี่น้องกัน หน้าตาคล้ายๆกันเหมือนฝาแฝดแต่ไม่ใช่ ทั้งคู่อยู่บ้านห้องแถวใกล้ผม แนวถนนสายเดียวกับผมแต่ถัดไปห้องแถวหนึ่ง เราสามคนเติบโตมาด้วยกัน เคยเล่นสนุกกันแบบเด็กๆ เช่น มอญซ่อนผ้า กระโดดเชือก แต่ไม่บ่อยนัก กนกรัตน์มีชื่อเล่นว่าอ้อย กนกวรรณมีชื่อเล่นว่าตาล พ่อของเธอตายตั้งแต่ยังเล็กเพราะอุบัติเหตุ แม่ต้องใช้หนี้ธนาคารแทนพ่อ จนต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่อยู่พักหนึ่ง อ้อยกับตาลต้องช่วยแม่ค้าขายของจิปาถะ ใส่สาแหรกหาบขายบ้าง ตั้งขายบ้าง เข็นรถขายบ้าง จนต่อมาเก็บเงินทองได้ก็มาเปิดร้านขายของชำในห้องแถวเช่าซื้อจนถึงเดี๋ยวนี้ แต่ที่น่าแปลกใจก็คือทั้งคู่มีผลการเรียนดีเสมอมา
“ อยู่บ้านเธอทำอะไรบ้าง ? ” ผมเคยถามอ้อยและตาลพร้อมกัน
“ ก็เฝ้าหน้าร้าน ช่วยแม่ขายของ ” ตาลตอบ
“ อะไรอีก ”
“ ทำการบ้าน และอ่านนิตยสารให้แม่ฟังหลังอาหารเย็น ” อ้อยตอบ
“ อะไรคือนิตยสาร ”
“ เป็นหนังสือของแม่และของพ่อที่เคยอ่านประจำ แม่จะซื้อมาไว้เสมอ มีนิยาย นิทานและความรู้ให้อ่านมากมาย ” อ้อยและตาลยิ้มอย่างภูมิใจ
วันนี้ผมไม่ได้เอาจักรยานมาโรงเรียนเพราะพิชชาบอกว่าพ่อจะมารับช้าหน่อย ให้ไปรอที่บ้านอาจารย์ใหญ่ในตลาด ผมจึงสบโอกาสอยากเป็นเพื่อนร่วมเดินทางกลับบ้านกับพิชชา อ้อยและตาล คงสนุกดีกว่าถีบจักรยาน ผมวิ่งลอดรั้วหลังโรงเรียนอย่างรีบร้อน ลัดเลาะต้นหูกวางออกมาหน้าโรงเรียน เห็นเพื่อน ๓ คนเดินนำหน้าไปไกลโข ก็รีบโกยอ้าว
“ อ้อย ตาล รอสมนึกด้วย ” พิชชาหันมาเห็นผมเหมือนมีญาณวิเศษ
“ พ่อตัวดี หนีไปหลบที่ไหนมาอีกล่ะ ถ้าครูปกครองเขาจับได้ก็ถูกเฆี่ยนอีก ” ตาลทำตาเขียวใส่
“ ก็ที่เก่าแหละ เงียบสงบดี รับรองไม่มีใครรู้ ” ผมยิ้มแก้มปริ ไม่รู้สึกผิดใดๆ
“ วันหลังเราน่าจะลองไปดูมั่งนะ ” พิชชาพูด ท่าทางเอาจริงและมองสบตา ๒ สาวรุ่นก่อนจะเปลี่ยนใจ “ ล้อเล่นน่า ”
“ นึกแล้ว พิชชาไม่กล้าแน่ ” ตาลพูดขึงขังพร้อมขยับสายกระเป๋าสะพายให้ตึง
“ พิชชากลัวพ่อจะตาย ” อ้อยพูดขึ้นบ้าง
“ เราว่าเราไม่ใช่คนกลัวพ่อนะ แต่อยากทำตัวให้พ่อสมหวังมากกว่า ” พิชชาตอบด้วยเหตุผล
สายลมกรรโชกผ่านมาวูบหนึ่งพัดเอากลิ่นไอข้าวและฟางหญ้าแห้งเข้าจมูก รู้สึกสดชื่น พวกเราทำเวลาและระยะทางห่างโรงเรียนออกมาจนเกือบเข้าสู่ตลาด ผมจึงคิดถึงเรื่องอะไรออก
“ ไอ้พิชชา เอ็งยังคิดว่าข้าเป็นเพื่อนอยู่รึเปล่า ? ” คำพูดแปลกๆของผมทำให้พิชชาหยุดนิ่ง อ้อย ตาลก็หยุดเดินและอยากรู้ว่าทำไปผมจึงพูดแปลกๆออกมา
“ สมนึกจะหาเรื่องพิชชาทำไมนะ ” อ้อยพูด ประโยคนี้ทำให้ผมลดเสียงลง
“ เปล่าหรอกน่า ” “ แต่ฉันเผอิญได้ยินอาจารย์ใหญ่คุยกับครูมนูญเรื่องพ่อของพิชชา ” พิชชาลดสายตาลงต่อ
“ เป็นเรื่องจริง ? !! ” ผมตบไหล่เพื่อนเบาๆทั้ง ๒ แขน พิชชาหันหลังกลับ เดินก้มหน้าไม่ยอมพูดอะไรไปตลอดทาง ทำเอาทุกคนหยุดพูดเดินตามไปห่างๆ อ้อย ตาล ชำเลืองหางตามองผมเป็นระยะด้วยความอยากรู้ แต่พอถึงทางแยกใหญ่พิชชาก็เดินตรงไปบ้านอาจารย์ใหญ่ ส่วนเราสามคนเลี้ยวซ้ายไปทางเดียวกัน
อ้อยกระตุกแขนผมเบาๆ แล้วถามว่าเกิดอะไรขึ้น ผมตอบว่าได้ยินอาจารย์ใหญ่พูดว่ามีผู้หญิงมาติดพันพ่อของพิชชา ทำให้มีปากเสียงกับแม่
“ สงสารพิชชานะ ” อ้อยตอบ
“ ชอบพิชชาละสิ ” ผมกระเซ้า ทำเอาอ้อยหน้าแดงก่ำขึ้นทันตา วิ่งไล่หยิกข่วนผมไปตลอดทาง ส่วนตาลก็วิ่งหัวร่อร่าตามมา แล้วเราก็กลับถึงบ้าน
วันต่อมาก่อนกลับบ้านทุกครั้งเราสามคนจะคอยสังเกตพฤติกรรมพ่อลูกคู่นี้ขณะมารับพิชชาที่หน้าโรงเรียน เราคิดว่าจะพบอะไรที่ทำร้ายจิตใจของพิชชาแต่กลับผิดคาด ทุกอย่างยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง จนหมดสนุกและลืมเรื่องนี้ไปหลายวัน
“ พ่อกับแม่เราคืนดีกันแล้ว ” พิชชาพูดเอง ใบหน้าแจ่มใส ดวงตาเป็นประกาย
“ เราเกลียดพ่ออยู่หลายวัน นั่งรถไม่ยอมสบตา ไม่พูดด้วย ” “ พ่อบอกว่าให้ลูกตั้งใจเรียน เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ พ่อจะไม่ทำร้ายจิตใจลูก จะแก้ปัญหาเอง ”
“ เออ.....พ่อนายแน่มากว่ะ ” ผมกับพิชชาระเบิดเสียงหัวเราะลั่นสนามและเสียงนั้นก็เงียบหายไปกับสายลมกลางทุ่งนาที่ล้อมรอบอย่างรวดเร็ว
วันปัจฉิมนิเทศนักเรียนชั้นม.๖ของโรงเรียนจำนวน ๔ ห้อง ประมาณ ๑๖๐ คน ดูช่างคึกคักไม่หยอก จนนักเรียนทุกคนอดประหลาดใจไม่ได้ อาจารย์ใหญ่เชิญผู้ปกครองนักเรียนทุกคนมาร่วมพิธี บนเวทีมีข้อความตัวโตเขียนว่า “ ปัจฉิมอาลัย – ก้าวไปเพื่ออนาคต ”
ตอนแรกให้นักเรียนอยู่แถวด้านหน้า ผู้ปกครออยู่ด้านหลัง มีพระมาเทศน์ ประพรมน้ำมนต์ อาจารย์ใหญ่ให้โอวาทและกล่าวอวยพร อาจารย์อื่นๆพูดอีก ๔ – ๕ คน มีการรำอวยพรและล่ำลาอาจารย์ผู้สอน
พวกเราก้มลงกราบอาจารย์ทุกท่านด้วยความรู้สำนึกอย่างรุนแรงในวินาทีนั้น ทำเอาเนื้อตัวเย็นเฉียบ อารมณ์สลดจนจะกลั้นน้ำตาไม่อยู่ จากนั้นก็นำดอกไม้มามอบให้อาจารย์ใหญ่ อาจารย์ผู้สอนและเพื่อนๆต่างห้องจนดูวุ่นวายพักใหญ่ อาจารย์ใหญ่ประกาศว่าให้ไปร่วมรับประทานอาหารตามที่จัดไว้ ให้ผู้ปกครอบกับนักเรียนรับประทานอาหารร่วมกัน
วันนั้นเป็นวันที่ผมได้ใกล้ชิดพ่อแม่ของพิชชามากที่สุด พ่อแม่พิชชาแต่งกายดีพูดจาสุภาพ ไม่ถือตัว พูดคุยกับแม่ของอ้อยและตาลด้วยกิริยายิ้มแย้ม อาจารย์ใหญ่ก็ยังมาร่วมรับประทานกับโต๊ะพวกเรา แต่พ่อแม่ของผมที่เคยพูดมากกลับเงียบไม่ค่อยพูดอะไรมากนัก ผมต้องยิ้มให้พ่อกับแม่ตลอดเวลาเพื่อรักษาหน้าแกไว้ เป็นภาพเหตุการณ์สุดท้ายที่ผมจดจำไว้ได้ในช่วงการเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย
ครอบครัวผมรับประทานอาหารมื้อเย็นวันนั้นอย่างมีรสชาติแห่งการตำหนิมากกว่ารสชาติของอาหาร เป็นการตำหนิที่พรั่งพรูจากจิตใจทั้งของพ่อและแม่ต่อผลการเรียนของผม
“ คะแนนแก ๑.๙๘ กับของลูกคุณตำรวจและของลูกสาวพี่อุบลวรรณทั้ง ๓ คนมันห่างจากของแกลิบลับ ฉันละอายเขาเมื่อกลางวันจนไม่รู้จะพูดยังไงดี.........” พ่อพูดออกมาจากใจถึงความห่วงใยที่มีต่อผม ผมรู้ดี ผมรู้ดี
“ กินข้าวให้อิ่มก่อน แล้วค่อยคิดเรื่องของมันต่อเถอะพ่อ ”
“ พูดมาเป็นนานสองนานก็เท่านั้น เมื่อลูกเราหัวมันไม่เอาถ่าน ก็ต้องยอมรับ ให้มันฝึกงานช่างซ่อมรถราอยู่กับแกที่นี่แหละ ” แม่มองสบตาผมเหมือนจะปลอบใจ แต่แวบความคิดก็ได้รับคำตอบในใจว่า แม่รู้ว่าผมโง่ ผมโง่จริงหรือ ?
“ งานซ่อมรถรา มันก็ไม่ได้ความ ไม่เอาอะไรจริงจังสักอย่าง ได้แต่หยิบๆจับๆแล้วก็หายหัว สู้ไอ้ป้อมลูกจ้างมันก็ไม่ได้ มันมาอยู่ช่วย ๒ – ๓ ปี เดี๋ยวนี้มันจะเก่งกว่าฉันเสียอีก ” คำพูดของพ่อช่างหนักแน่นและน่าเกรงขาม
พระจันทร์ลอยเด่นอยู่เหนือยอดมะพร้าวหลังบ้าน
ถึงจะเวลา ๒ – ๓ ทุ่มแล้วผมก็ยังมองเห็นโรงเรียนสว่างอยู่รำไรสุดสายตา โรงเรียนที่ผมรักและผูกพันเพราะอยู่ที่นี่ตั้งแต่ ป.๑ – ม.๖ ความเงียบช่วยให้ความคิดสงบขึ้น ภาพอดีตปรากฏขึ้นเป็นช่วงๆ ผมยิ้มรับอดีตนั้นอย่างสุขใจแต่ก็ต้องชะงักยิ้มนั้นไว้เมื่อปรากฏภาพครูมนูญตำหนิผมในชั้นเรียน ภาพครูปกครองลงโทษด้วยการเฆี่ยนและเก็บขยะ ภาพพ่อแม่ส่ายหัวเอือมระอาต่อความไม่เอาถ่านด้านการเรียนของผม ความจริงการเรียนในโรงเรียนเป็นเรื่องสนุก มีเพื่อน มีเรื่องสนุกให้ทำทั้งวัน ทั้งวิ่งเล่น เตะฟุตบอล ตะกร้อ ทำรายงาน ทำการบ้าน ฯลฯ วันต่อวันช่างรวดเร็ว
แล้วผมจะต้องออกจากโรงเรียนนี้ไปเพราะผมจบม.๖แล้ว แต่สายตาผู้ใหญ่หลายๆคนช่างทำให้ผมหวั่นใจ ทำไมเขาต้องรุมตำหนิผมหรือเพราะเกรดเฉลี่ย ๑.๙๘ ผมว่าผมเรียนเต็มที่แล้วนะ
ครูมนูญผู้เคร่งตำราและรักหนังสือ ครูคงอ่านหนังสืออะไรสักเล่มในบ้านพักครูในโรงเรียน หรือดูข่าวในทีวี หรือเตรียมการสอน หรือเดินไปคุยกับครูเพื่อนบ้าน
กนกรัตน์ กนกวรรณและพิชชา คงไม่ยอมห่างจากโต๊ะเขียนหนังสือ พิชชาคงยังมุ่งมั่นอ่านหนังสือเพื่อสอบเตรียมทหารให้ได้เหล่านายร้อยตำรวจจะได้สมใจพ่อ การอ่านและการเรียนหนังสือให้เก่งเป็นวิธีเดียวเท่านั้นที่จะทำให้ผู้ใหญ่ภูมิใจกับชีวิตวัยเยาว์ของเรา ผมไม่อาจจะเห็นด้วย
ผมเชื่อว่าผู้ใหญ่ทุกคนเป็นคนดีแน่เพราะเขาเลี้ยงดูลูกเมียสามีได้ เขาต้องรับผิดชอบต่อหน้าที่การงานต่างๆนานา การตำหนิเด็กๆอย่างผมบ้างย่อมแสดงถึงความรัก ความห่วงใย ความมีเมตตา แต่จะให้ผมน้อมรับและน้อมตัวปฏิบัติตามโดยดีนั้นคงจะไม่ได้ ก็ลุงกับป้าเฝ้าฟูมฟักไร่นาเพื่อต้นข้าวจะได้ออกรวงเต็มๆหนักๆ ข้าวจะได้มีราคา แต่ข้าวก็ไม่เห็นจะเชื่ออะไรได้ บางปีมันก็รวงเต็ม บางปีมันก็รวงลีบเล็กแคระแกรน ก่อนออกรวงมันได้แต่โบกใบพร้อมๆกับล้อลมเล่นไหลพลิ้วเป็นลูกคลื่น มองดูสดชื่นสวยงามจับใจ แต่พออีกเดือนมันอาจทำให้ลุงกับป้าผิดหวัง เหมือนผมผมอยากอิสระ ทำตัวสดชื่น แต่ก็ทำให้ผู้ใหญ่ผิดหวัง.........แต่อาจจะไม่ตลอดไป
ปัจจุบันนี้ ผมยังอยู่บ้านนอกช่วยลุงกับป้าทำนาและช่วยสานต่อร้านซ่อมรถของพ่อ ผมบวชเมื่อปีกราย พ่อ – แม่ ลุง – ป้าปลื้มใจกันยกใหญ่ ญาติพี่น้องเพื่อนฝูงมาช่วยงานมากมาย อาจเป็นเพราะกิจการร้านซ่อมรถของพ่อดีขึ้น พ่อ-แม่ช่วยกันเก็บเงินต่อเติมร้านซื้ออะไหล่แท้มาจำหน่ายและเปิดขายรถมอเตอร์ไซค์และรถยนต์มือสอง ธุรกิจของพ่อผมมีส่วนช่วยอย่างมาก ผมเป็นคนช่วยออกความคิดดีๆหลายอย่าง ไปขอคำปรึกษาจากเพื่อนๆร่วมโรงเรียนบ้าง ได้รับความเชื่อใจจากสังคมในอำเภอมากขึ้นเรื่อยๆ ธุรกิจของพ่อก็งอกงามขึ้น
ผมยินดีกับกนกรัตน์และกนกวรรณ ปีหน้าทั้งคู่จะจบพยาบาล สองพี่น้องก็ยินดีกับผมด้วยเช่นกัน
“ กำนันชมว่า ไร่นาสวนผสมของสมนึกให้ผลผลิตดีมาก ทำรายได้ให้กับลุง-ป้าและพ่อ-แม่ของเธออย่างงาม เกษตรกรรอบๆต้องมาศึกษาวิธีการจากสมนึก เดี๋ยวนี้สมนึกเป็นคนดังด้านการเกษตรไปเสียแล้ว......” กนกรัตน์จ้องตาผมด้วยแววตาคู่งามเป็นประกาย กนกวรรณต้องหยิกแขนพี่สาวเตือนให้รู้ตัว
“ เธอไม่รังเกียจคนจบวุฒิเพียงม.๖อย่างผมเหรอ....”
“ แต่การเรียนมสธ.ด้านเกษตรของเธอได้จบเพียง ๓ ปีเศษ ทำเอาฉันทึ่งเธอมากกว่า ”
ทุกคนระเบิดเสียงหัวเราะพร้อมๆกันจนผมลืมตัวจากการสำรวมว่านั่งเป็นนาค
“ วันนี้ไม่มีพิชชามาด้วยหรือ ? ” ผมถามอ้อยตาลพร้อมๆกัน เวลาหยุดนิ่งไปครู่หนึ่งจนผมรู้สึกและยังไม่มีใครพูดอะไรอีก
“ ครอบครัวพิชชาย้ายเข้ากรุงเทพฯ เมื่อพิชชาสอบเข้าเรียนนายร้อยตำรวจสามพรานได้ และข่าวคราวก็หายเงียบไป ” กนกวรรณพูดทำลายความเงียบออกมา
กนกรัตน์ กนกวรรณและพิชชาเป็นเพื่อนที่ทำให้ผมไม่อาจลืมความสุขทุกอย่างในวัยเรียนที่ผ่านมาได้ ความสุขความทุกข์ต่างๆครั้งนั้นทำให้ผมก้าวมาถึงชีวิตวันนี้ ผมชอบชีวิตเรียบง่าย ไม่อยากวิ่งไปข้างหน้าให้เร็วนัก ไม่อยากเอาชนะใคร ไม่อยากให้ใครผิดหวังเสียใจ ผมอยากเป็นส่วนหนึ่งของทุ่งนา ของพืชผักสวนครัว ของสระน้ำและพันธุ์ปลา ของสวนผลไม้ย่อมๆ ของท้องฟ้า สายลม หยาดฝน แสงแดด ผมเฝ้าสังเกตสิ่งเหล่านี้มาตลอดชีวิต ผมเคยเรียนแย่จนถูกพ่อ แม่ ลุง ป้าและครูตำหนิมาแล้ว
เดี๋ยวนี้ผมจะไม่ทำเช่นนั้นอีก ผมจะไม่มีเวลาให้พ่อ แม่ ลุง ป้าเสียใจกับผืนนาและธุรกิจซ่อมรถที่ท่านจะมอบแก่ผม ผมจะไม่ทำให้ผิดหวังเด็ดขาด แม้แต่เพียงต้นหญ้าสักต้นก็จะไม่ยอมให้มันชอกช้ำ เพราะธรรมชาติคือชีวิตของผมนายสมนึก พิพัฒน์ด้วยเช่นเดียวกัน.

63 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

น.ส.กาญจนา สีเกิดพงษ์ ม. 6/9 เลขที่7ก
หนูได้อ่านบทความของอาจารย์แล้วค่ะ ชอบหลายเรื่องเลย ชอบเรื่องเพื่อนของผมด้วยเพราะบางทีมีเนื้อหาตรงกับชีวิตที่หนูเคยเจอ มันสนุกดีค่ะ อยากให้อาจารย์เอาเรื่องเกี่ยวกับวรรณคดีที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักมาลงเยอะๆหนูจะได้อ่านอีก ค่ะ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

นางสาวอารญา เอี่ยมแฟง เลขที่ 23ก.ม.6/9
เว็บของอาจารย์สวยมาก เนื้อหาสาระดี สามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ และเรื่องสั้น "เพื่อนของผม" อ่านแล้วสนุกมาก แต่ทำให้นึกถึงเพื่อนเก่า อดคิดถึงเพื่อนไม่ได้...

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

นางสาวศศินิภา เกตุรามฤทธิ์ ม.6/9 22ข
โรงเรียนพี่โรงเรียนน้องหนูก็ไปค่ะแต่เป็นโรงเรียนวัดสัมพันธมิตร หนูชอบกลอนที่อาจารย์เขียนค่ะ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

นางสาวจุฑารัตน์ จวบทรัพย์ ม. 6/7 เลขที่ 12 ก.
เรื่องสั้นที่อาจารย์นำมาให้อ่านดีมากเลยค่ะ เพราะสนุกดีและสอนให้รู้ว่าคนเราจะมีพรวิเศษในตัว อยู่ที่ว่าเราจะใช้มันได้ถูกทิศถูกทางรึเปล่า....การเรียนไม่เก่งไม่ใช่บทสรุปของชีวิต...แต่การใช้ชีวิตในทางที่ชอบและถนัดย่อมนำความเจริญมาให้

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

นางสาวจิราภรณ์ ตรีสุวรรณ ม.6/4 เลขที่ 11ข.
หนูคิดว่าบล็อกของอาจารย์มีประโยชน์ต่อผู้ที่มาเยี่ยมชมมาเลยค่ะ มีบทความที่น่าสนใจและมีสาระมากๆค่ะ แล้วยังมีข้อสอบเอนทรานซ์ซึ่งเหมาะเป็นอย่างมากสำหรับนักเรียนม.6ที่ใกล้จะสอบเอนทรานซ์ มีรูปภาพสวยๆใหม่ๆเช่น รูปงานกีฬาสีถือว่าเป็นบล็อกอีกบล็อกหนึ่งที่มีประโยชน์ค่ะ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เรื่องสั้นและบทความต่าง ๆ ในบล็อกนี้มีข้อคิดดี ๆ มากมาย ข้อสอบเอนทรานซ์ก็มีประโยชน์มากค่ะ แล้วก็ยังได้ดูรูปงานกรีฑาในมุมต่างๆ ซึ่งแต่ละภาพนั้นก็มีความหมาย และสื่อออกมาได้ดีค่ะ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

นางสาวอโนชา พุกชาติ ชั้นม.6/7 เลขที่ 21ข
บล็อกของอาจารย์มีความน่าสนใจสำหรับนักศึกษามากค่ะ มีรูปภาพ มีวรรณกรรมให้อ่าน ได้อ่านในเรื่องที่ไม่เคยได้อ่าน มีข้อสอบ ได้เข้ามาแล้วดูฉลาดขึ้นอีกเยอะค่ะ ขอบคุณค่ะ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

สวัสดีค่ะ...ชื่อ นางสาวอาภาพร ขอญวนกลาง ม.6/3 เลขที่ 19ก. นะคะ
บล๊อกของอาจารย์อ่านแล้วมีประโยชน์ดีค่ะ ได้ทั้งความรู้เพิ่มเติมนอกเหนือบทเรียน เข้าใจง่าย ไม่น่าเบื่อ อ่านแล้วสนุกดีค่ะ ได้ข้อคิดเยอะแยะ....ขอบคุณค่ะ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เว็บของอาจารย์มีเนื้อหาสาระดีมากๆ และที่ชอบมากในเว็บอาจารย์คือคลังข้อสอบ O-NET,A-NET มีให้ลองทำทุกวิชาเลย ที่สำคัญจะได้ไม่ต้องไปซื้อหนังสือที่เป็นข้อสอบมาทำ สามารถทำในเว็บได้เลย จาก น.ส.มัตติกาญ เจริญสุข ม.6/6 เลขที่ 14ข

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

นาย วัชรินทร์ กิจวิไลรักษ์ เลขที่ 8ข ม.6/3
ผมคิดว่าบล็อคของอาจารย์มีประโยชน์ต่อผู้อ่านมาก
แถมเมื่ออ่านจบแล้วยังสามารถนำไปปรับยังสามารถนำ
ข้อคิดที่ได้ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

อาจารย์บทความอาจารย์อ่านแล้วได้ข้อคิดดีมากเลย เป็นกำลังใจให้คนที่เรียนไม่เก่งก็สามารถทำในสิ่งที่ตนเองรักได้ แล้วก็รูปกีฬาสีน้อยไปป้ะอาจารย์ สีม่วงอ่ะน้อยไปป่าว แล้วก็รูปตอนเด็กอาจารย์อ้ะน่ารักกกกกก ฮ่าๆๆๆๆๆๆ อาจารย์รูปตึก 3น่ากลัวจัง แค่นี้แหละ

นางสาวกานติมา ท้วมทอง ม.6/4 เลขที่ 11ก

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

นาสันติพงศ์ สิทธิธนสิน ชั้นม.6/6 เลชที่ 8ก.
เรื่อง"เพื่อนของผม"เป็นเรื่องที่อ่านแล้วทำให้ผมจินตนาการออกมามาเป็นภาพในความคิดของตัวเองได้มีแนวคิด คติสอนใจที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ จึงทำให้ผมมีอารมณ์ร่วมไปพร้อมกับการอ่านมากขึ้น แล้วผมจะเข้ามาอ่านเรื่องต่อไปครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

น.ส.อรชา ฉินสวัสดิ์พันธุ์ ชั้น ม.6/4 เลขที่ 20ข
blog ของอาจารย์ดีมากค่ะชอบบทความที่อ.นำมาลง ชอบเรื่องเก่าๆ ภาพเก่าๆ แผ่นโฆษณาเก่าๆ ที่ไม่เคยได้พบเห็นชอบมากค่ะ อาจารย์นำมาลงเพิ่มอีกเยอะๆนะคะ อยากเห็นค่ะ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

หนูชอบบทความที่อาจารย์นำมาลงมากเลยค่ะ เป็นการสะท้อนอีกมุมหนึ่งของสังคม อีกด้านที่เรายังไม่เคยมองเห็น เหมือนได้เปิดโลกกว้าง ได้แง่คิดในการดำเนินชีวิตมากขึ้นค่ะ รูปสวยมากๆๆด้วยค่ะ อิอิ
น.ส.เบญจภรณ์ กาญจนสมศักดิ์ เลขที่ 18ก ม.6/4

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

บทความที่อาจารย์เอามาลงเป็นบทความที่ช่วยสอนและให้กำลังใจแก่หนูมากๆค่ะ รวมทั้งรูปภาพก็สวยมากๆด้วย เวปของอาจารย์มีอะไรน่าสนใจ ดูไม่น่าเบื่อเลยในการอ่าน และมีข้อสอบด้วย อาจารย์ลงบทความอีกเยอะๆนะค่ะ ให้กำลังใจหนูมากๆๆๆ

นางสาวพรทิพย์ ปิยะนุช ม.6/4 เลขที่ 14 ข

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

นางสาว อมราพร บุญพิศิษฐ์สกุล 22ข ม.6/8
หนูชอบเรื่อง "เพื่อนของผม"มากเพราะมันทำให้ความคิดบางความคิดหนูเปลี่ยนนะ ให้หนูมองหลายๆแง่มุม ไม่ว่าจะเป็นการเรียน หรือการใช้ชีวิต หนูว่าเรื้องมันสอนอะไรหลายๆอย่าง

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

อาจารย์ครับผมชอบข้อความนี้จังเลยครับ
"การอ่านหนังสือเพียงบางเล่ม บางเรื่อง บางข้อความหรือบางประโยค อาจเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเราไปตลอดชีวิต " ผมว่าจริงที่สุดแล้วครับ
เพราะตัวผมเองก็เคยเป็นแบบนั้นครับ
นาย กวิณวัฒน์ กล่อมทอง ม6/9 เลขที่ 1ก

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ความฉลาดของเรา - ทำให้เราเป็นคนแข็งกระด้าง
อาจารย์ค่ะหนูไม่ค่อยเห็นด้วยเลยค่ะ
หนูว่าเป็นบางคนมากกว่าค่ะ
ที่เป็นแบบนั้น
ถ้าเรารู้จักที่จะใช้ความฉลาดให้ถูกที่ถูกเวลาก็ไม่น่ามีปัญหานะค่ะ

นางสาว ศิริพร ตาลช่วง ม6/9 เลขที่ 19ก

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ข้อความหลายๆข้อความในนี้มีความหมายดีๆกับผมมากเลยครับ และสำหรับเรื่องสั้นเรื่องเพื่อนของผมนี้ก็เป็นเรื่องราวที่ดีที่จะทำให้ผมมีกำลังใจในการเรียนมากครับ
อีกทั้งยังมีหลายเรื่องราวที่ผมยังไม่รู้ มันเลยทำให้ผมรู้อะไรดีๆขึ้นมากเลยครับ
นายสุรศักดิ์ อรรคเนตร ม.6/4 เลขที่10ก

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

สวัสดีค่ะอาจารย์
บทความของอาจารย์แต่ละเรื่องมีข้อคิดให้นำกลับมาคิดแล้วมองย้อนกลับไปดูตัวเอง ทำให้เรารู้ว่าสิ่งที่เราคิดว่ามันดีแล้วสำหรับเราบางทีมันอาจจะเป็นสิ่งที่ไม่ดีสำหรับคนอื่นๆก็ได้ พอได้อ่านบทความทำให้เรารู้ข้อผิดพลาด รู้ว่าเราต้องปรับปรุงตัวเองในเรื่องใด ก็อย่างที่อาจารย์เขียนไว้ในบล็อกไงคะ ว่า "การอ่านหนังสือเพียงบางเล่ม บางเรื่อง บางข้อความหรือบางประโยค อาจเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเราไปตลอดชีวิต" ขอบคุณมากนะคะสำหรับบทความ และบล็อกดีดีอย่างนี้

นางสาวธิดารัตน์ สิมาแก้ว ม.6/3 เลขที่ 11ก

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

น.ส.ณัฐสุดา บรรทัดเที่ยง ม.6/9เลขที่ 13ข.

"รักแรกและรักสุดท้ายคือรักตัวเอง"

มันคือเรื่องจริงที่สุดเลยค่ะอาจารย์ถ้าเราไม่รักตัวเองก็ไม่มีใครรักเราหรอกค่ะ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

สวัสดีค่ะ..อาจารย์
"วันเกิดเจ้าเกือบคล้ายวันตายแม่
เจ็บท้องแท้เท่าไรแม่ไม่บ่น
กว่าจะเกิดกว่าจะคลอดรอดเป็นคน
เติบโตจนป่านนี้นี่เพราะใคร
แม่เจ็บเจียนขาดใจในวันนั้น
กลับเป็นวันลูกฉลองกันผ่องใส
ได้ชีวิตแล้วก็หลงระเริงใจ
ลืมผู้ให้ชีวิตอนิจจา "
ชอบกลอนของอาจารย์มากเลยค่ะ...โดยเฉพาะกลอนนี้...ใกล้แม่แล้วด้วยนี่ค่ะ...
อ่านทีไรร้องไห้ทุ๊กกที--^_^
นางสาวปนิตา เล็กรุ้งเรืองกิจ เลขที่13ก. ม.5/3

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ความรู้ของเรา - ทำให้เราเป็นคนชอบถากถาง
ความฉลาดของเรา - ทำให้เราเป็นคนแข็งกระด้าง
หนูชอบคำพูดนี้มากค่ะ เพราะมันเป็นเรื่องจริง การที่เรามีความรู้มากจะทำให้เรารู้สึกว่าเราเก่งกว่าคนอื่น จะชอบดูถูกคนอื่นคนที่เขามีความรู้น้อยกว่าเรา มีความทะนง อวดเก่ง ความฉลาดมากเกินไป ก็จะทำให้เราเป็นคนแข็งกระด้าง เหมือนมีความรู้มามากแล้ว ไม่จำเป็นต้องฟังความคิดเห็นของคนอื่น แต่ไม่ใช่ว่าคนที่เก่งจะมีนิสัยแบบนี้เสมอไป ยังมีคนดีๆอีกเยอะ... คำพูดนี้โดนจริงๆค่ะ
น.ส.มัตติกาญ เจริญสุข ม.6/6 เลขที่ 14ข

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ชอบกลอนของอาจารย์มากเลยค่ะอ่านแล้วซึ้งมากเลยค่ะโดยเฉพาะ"กว่าจะเกิดกว่าจะคลอดรอดเป็นคน
เติบโตจนป่านนี้นี่เพราะใครประโยคนี้ทำให้ข้าพเจ้าคืดอะไรได้หลายๆอย่างชอบมากเลยค่ะซึ้งมาก นางสาวอรพิชญ์ นิ่มน้อย ชั้นม.6/7 เลขที่22ก

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

นางสาวปัทมา ปราณีสุข เลขที่ 16ข ม.6/12
บทความที่อาจารย์เอามาลงเป็นบทความที่ช่วยสอนและให้กำลังใจแก่หนูมากๆค่ะ รวมทั้งรูปภาพก็สวยมากๆด้วย เวปของอาจารย์มีอะไรน่าสนใจ ดูไม่น่าเบื่อเลยในการอ่าน และมีข้อสอบด้วย อาจารย์ลงบทความอีกเยอะๆนะค่ะ ให้กำลังใจหนูมากๆๆๆอีกทั้งยังมีเว็บที่ดีๆให้ความรู้ดีๆที่เป็นเรื่องง่ายๆใกล้ตัวที่คนส่วนใหญ่มักมองข้ามมาให้อ่านด้วย

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

นางสาว จริยา จินดา ชั้น ม. ๖/๑๐ เลขที่ ๑๔ก
สวัสดีค่ะ อาจารย์ศักดิ์สิทธิ์
อาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ ใจดีจังเลยค่ะ
เว็บไซต์ของอาจารย์ก็ให้ความรู้ได้มากเลยค่ะ มีทั้ง เรื่องสั้น บทความต่างๆ ข้อสอบทั้งในห้องเรียนและข้อสอบO-net A-net และก็มีลิงค์ให้ดูประวัติของนักเขียนรางวัลซีไรต์ที่อาจารย์สั่งให้ทำงานด้วย ขอบคุณนะคะ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

นางสาว ปัทมา ปราณีสุข เลขที่ 16ข ม.6/12
บทความของอาจารย์แต่ละเรื่องมีข้อคิดให้นำกลับมาคิดแล้วมองย้อนกลับไปดูตัวเอง ทำให้เรารู้ว่าสิ่งที่เราคิดว่ามันดีแล้วสำหรับเราบางทีมันอาจจะเป็นสิ่งที่ไม่ดีสำหรับคนอื่นๆก็ได้ พอได้อ่านบทความทำให้เรารู้ข้อผิดพลาด รู้ว่าเราต้องปรับปรุงตัวเองในเรื่องใด ก็อย่างที่อาจารย์เขียนไว้ในบล็อกไงคะ ว่า "การอ่านหนังสือเพียงบางเล่ม บางเรื่อง บางข้อความหรือบางประโยค อาจเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเราไปตลอดชีวิต" ขอบคุณมากนะคะสำหรับบทความ และบล็อกดีดีอย่างนี้

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

น.ส.ธนาภรณ์ จันทร์เกษม ม.6/5 เลขที่ 17 ข.
เรื่องเพื่อนของผมชอบมากเลยค่ะ อาจาย์เขียนได้ดีเลยทีเดียว อาจารย์เป็นนักเขียนได้เลยนะค่ะ ชอบเว็ปไซต์ของอาจาย์มากเลย มีทั้ง เรื่องสั้น บทความต่างๆ ข้อสอบ และแต่ละเรื่องก็มีข้อคิดต่างๆมากมายอีก

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

นางสาวจุฑารัตน์ จวบทรัพย์ ชั้น ม.6/7เลขที่ 12ก.
สวัสดีคะอาจารย์...วันนี้ก็เข้ามาอ่านเว็บของอาจารย์แล้ว..ชอบกลอนวันแม่มากๆเลยค่ะ ไพเราะและซึ้งมากๆ และก็ยังมีข้อความที่ให้คติสอนใจที่ว่า..ความรู้ของเราทำให้เราเป็นคนชอบถากถางและความฉลาดของเราทำให้เราเป็นคนแข็งกระด้าง...ชอบอันนี้มากๆเพราะเป็นการเตือนไม่ให้เราหลงตัวเอง

Jae Hlee กล่าวว่า...

ครูศักดิ์สิทธิ์ สอนเก่งค่ะ และก็เป็นคนตลกมากด้วย
เรื่องวรรณกรรมครูชำนาญมากเลย
เรียนด้วยแล้วไม่เครียดเลย

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

สวัสดีค่ะอาจารย์
หนูชอบเรื่องสั้นเรื่องเพื่อนของผมมากเลย มันทำให้รู้ว่าถึงแม้เราจะเรียนไม่เก่งแต่ถ้าเราขยันและตั้งใจเราก็สามรถประสบความสำเร็จได้หรือถึงแม้ว่าฐานะทางบ้านของเราจะไม่ได้ร่ำรวยแต่เราก็สามารถสร้างชืวิตให้ดีได้ความความขยันและตั้งใจ
นางสาวอาทิตยา ศุภพงษ์ เลขที่ 22ก. ชั้น ม.6/8

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

นางสาวกาญจนา แสงวงศ์ ม. 6/5 เลขที่ 10ข
ในวันนี้หนูได้เข้ามาดูเว็บของอาจารย์หลังจากที่ไม่ได้เข้ามาตั้งแต่ก่อนวันแม่พอได้เข้ามาดูเว็บอาจารย์ก็มาเห็นบทกลอนวันแม่ของอาจารย์ก็รู้สึกชอบมากเพราะว่าเนื้อหามันไพเราะกินใจดีอยากให้อาจารย์เอากลอนที่อาจารย์แต่งเองมาลงเยอะหนูชอบอ่านค่ะ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

นางสาวดารารัตน์ วันขวา ม.6/3 เลขที่ 10ก


"การอ่านหนังสือเพียงบางเล่ม บางเรื่อง บางข้อความหรือบางประโยค อาจเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเราไปตลอดชีวิต"

ชอบประโยคนี้มากเลยค่ะ

เพราะมันใช่เลย การที่เราไปเจอประโยคแค่ประโยคเดียว

บางครั้งก็ช่วยให้เราแก้ปัญหาต่างๆที่อยู่ในหัวได้อย่างง่ายดาย

ทำให้เรารู้ว่าควรจะทำอย่างไรกับชีวิตต่อไปดี

ขอบคุณนะคะ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

อาจารย์ค่ะหนูชอบคำพูดที่ว่า"การอ่านหนังสือบางเรื่อง บางเล่ม บางข้อความ อาจทำให้ชีวิตคนเปลี่ยนแปลงได้นั้นหนูคิดว่าจริงนะค่ะเพราะว่าคนบางคนยังมีนิสัยไม่เหมือนกันเลยค่ะ(แม้กระทั้งฝาแฝด)

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

อาจารย์ครับผมเข้าไปดูสไลด์รูปภาพของอาจารย์แล้วผมชอบมากเลยครับและผมมีความคิดว่าอาจารย์ก็เป็นคนที่รักธรรมชาตและอะไรที่เป็นส่วนตัวนะครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

อาจาร์ค่ะหนูชอบหน้าเว็บที่อาจารย์ทำมากเลยค่ะโดยเฉราะตรงรูปองคุลิมาลนะค่ะและหนูก็ได้เข้าไปดูและอ่านเรื่องราวที่อาจารย์ทำไว้แล้วมันได้ความรู้และข้อคิดมากเลยค่ะและก็ชอบมากด้วยค่ะ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

รักแรกและรักสุดท้ายคือรักตัวเอง โดนเจ้าค่ะ ขอให้เอาข้อความมาลงแบบนี้เยอะๆนะคะ
น.ส. ยุดาวดี สุขมาก เลขที่ 16ก. ชั้น ม.6/6

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

นางสาวนุสรา ศรีแสงอ่อน ม.6/3 เลขที่12ก

ความรู้ของเรา - ทำให้เราเป็นคนชอบถากถาง
ความฉลาดของเรา - ทำให้เราเป็นคนแข็งกระด้าง

ประโยคนี้เป็นข้อคิดเตือนใจได้เป็นอย่างดี เพราะบางครั้งการที่คนเรารู้มากเกินไป จะทำให้ลืมตัว คิดว่าตัวเองดีกว่าคนอื่น จนลืมนึกถึงความถูกต้อง

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เว็บสวยมาก เนื้อหาสาระดี สามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ และเรื่องสั้น "เพื่อนของผม" อ่านแล้วสนุกชอบๆๆๆๆๆๆ

นางสาวมณีรัตน์ ปิ่นวันนา ม. 6/7 เลขที่ 16 ข.

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ผมชอบเรื่องสั้นเรื่องเพื่อนของผมมากเลย มันทำให้รู้ว่าถึงแม้เราจะเรียนไม่เก่งแต่ถ้าเราขยันและตั้งใจเราก็สามรถประสบความสำเร็จได้หรือถึงแม้ว่าฐานะทางบ้านของเราจะไม่ได้ร่ำรวยแต่เราก็สามารถสร้างชืวิตให้ดีได้ความความขยัน ชอบบบบบ ครับ

นายฐิติราษฎร์ ทองคำ ม 6/6 เลขที่ 2ก.

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

สวัสดค่ะอาจารย์

หนูอ่านบทความของอาจารย์แล้วรู้สึกว่าตัวเองมีแนวคิดใหม่ๆมากมายเกี่ยวกับการใช้ชีวิต บทความสอนอะไรให้คิดมากมาย หนูชอบบทความของอาจารย์มากค่ะ
แล้วบทความของอาจารย์ก็สอนให้เราขยันอ่านหนังสือมากขึ้นด้วย^^

นางสาวชุติกานต์ แก้ววิเชียร ม.6/4 เลขที่ 16ก

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

นางสาววรัญญา คำสัตย์ ม.6/6 เลขที่ 18ก.
อ่านแล้วชอบมากเลยค่ะ โดยเฉพาะประโยคที่ว่า "ความสุขความทุกข์ต่างๆครั้งนั้นทำให้ผมก้าวมาถึงชีวิตวันนี้ ผมชอบชีวิตเรียบง่าย ไม่อยากวิ่งไปข้างหน้าให้เร็วนัก ไม่อยากเอาชนะใคร ไม่อยากให้ใครผิดหวังเสียใจ ผมอยากเป็นส่วนหนึ่งของทุ่งนา ของพืชผักสวนครัว ของสระน้ำและพันธุ์ปลา ของสวนผลไม้ย่อมๆ ของท้องฟ้า สายลม หยาดฝน แสงแดด" อ่านแล้วรู้สึกกินใจมากๆ ได้คติสอนใจในการดำเนินชีวิต พออ่านแล้วมีความสุขจริงๆ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

พอได้อ่านบทความอาจารย์ก็ทำให้ผมรู้สึกคิดอะไรดี ๆ ได้หลายอย่าง จากตอนแรกที่เป็นคนอารมณ์ร้อนก็กลับกลายมาเป็นคนใจเย็น เพื่อที่จะทำให้คนที่เรารักและคนรอบข้างสบายใจ
นายสุวัชร เต่าทอง ชั้นม.6/8 เลขที่ 8 ข

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

สวัสดีค่ะอาจารย์ *.*

วันนี้หนูมาอ่านอีกรอบก็ได้แนวคิดใหม่ๆอีกแล้ว
หลังจากที่เครียดมากกับการเตรียมสอบ คาดหวังอะไรๆ มากเกินไป แต่พอมาอ่านทบทวนบทความของอาจารย์อีกรอบ ก็รู้สึกว่าพอใจในสิ่งที่เราชอบที่สุด สบายใจที่สุดก็พอ อย่าไปคาดหวังอะไรที่สูงเกินไปจะดีกว่า...


นางสาวชุติกานต์ แก้ววิเชียร ม.6/4 เลขที่ 16 ก

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

น.ส.ศศิวิมล เนตรประเสริฐ ชั้น ม.6/12 เลขที่ 15กหนูชอบเรื่องสั้นเรื่องเพื่อนของผมมากเลย มันทำให้รู้ว่าถึงแม้เราจะเรียนไม่เก่งแต่ถ้าเราขยันและตั้งใจเราก็สามารถประสบความสำเร็จได้

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

นายยุทธศักดิ์ นาดี เลขที่4ก ม.6/12
"การอ่านหนังสือเพียงบางเล่ม บางเรื่อง บางข้อความหรือบางประโยค อาจเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเราไปตลอดชีวิต " ผมว่าจริงที่สุดแล้วครับ
เพราะตัวผมเองก็เคยเป็นแบบนั้นครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

นายชัชพงศ์ แก้วมณี เลขที่4ข ม.6/12

เรื่องสั้นและบทความต่าง ๆ ในบล็อกนี้มีข้อคิดดี ๆ มากมาย ข้อสอบเอนทรานซ์ก็มีประโยชน์มาก แล้วก็ยังได้ดูรูปงานกรีฑาในมุมต่างๆ ซึ่งแต่ละภาพนั้นก็มีความหมาย และสื่อออกมาได้ดี

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ได้อ่านเรื่องเพื่อนของผมแล้ว ทำให้คิดถึง2อย่างคือ อย่างแรกคิดถึงเพื่อนเก่าที่เคยร่วมชั้นเรียนกันมาในสมัยประถม รวมทั้งคิดถึงวันเวลาเก่าๆในอดีตด้วย อย่างที่2ทำให้ผมคิดไปถึงวันที่จะต้องจบจากโรงเรียนพิบูลวิทยาลัยไปว่าเมื่อถึงวันนั้นแล้วเราทุกคนคงจะเสียใจที่จะต้องจากกัน นอกจากนี้จากนิสัยของตัวละครที่เป็นเด็กที่รับฟังคำสั่งสอนของผู้ใหญ่ โดยไม่เกิดอคติแต่กลับคิดว่าเป็นความหวังดีของผู้ใหญ่ ทำให้ผมคิดว่า ถ้าเด็กไทยในปัจจุบันเป็นอย่างนี้กันทุกคนประเทศไทยของเราก็คงมีความเจริญก้าวหน้าไปมากกว่าที่เป็นอยู่เช่นทุกวันนี้
จาก..นายคุณาวุฒิ วิบูลย์พันธุ์ ชั้น ม.6/4 เลขที่ 3ก

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

น.ส.พัชรพร บารมี ม6/12เลขที่18ข
อาจาร์ค่ะหนูชอบหน้าเว็บที่อาจารย์ทำมากเลยค่ะโดยเฉราะตรงรูปองคุลิมาลนะค่ะและหนูก็ได้เข้าไปดูและอ่านเรื่องราวที่อาจารย์ทำไว้แล้วมันได้ความรู้และข้อคิดมากเลยค่ะและก็ชอบมากด้วยค่ะ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

การได้อ่านบทความนี้ ทำให้ความเครียดและความฝันสูงเกินตัวลดลง พอใจในสิ่งที่ตัวเองอยากเป็นมากกว่าสิ่งที่สูงเกินไป

น.ส.ศิวาพร โพธิ์ทอง ชั้นม.6/4 เลขที่ 20ก

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ชอบบทความที่เกี่ยวกับหมวดตี้อ่ะ แบบว่ามันทำให้หนูรู้ว่าหมวดตี้เป็นคนที่เสียสละ ยิ่งหมวดตี้เป็นทหารด้วยแล้วทำให้หนูรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่กล้าหาญ ยอมสละความสุขสบายของตนเองเพื่อประชาชน ซึ่งพี่ของหนูก็เป็นทหารเหมือนกันและได้ลงไปประจำการที่ จ.ยะลาทำให้หนูภูมิใจมากๆๆว่าอย่างน้อยพี่ชายของหนูก็ได้ช่วยกันปกป้องความสงบสุขของประชาชนภาคใต้ค่ะ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

น.ส.ณัฐธนา ร้อยแสนศึก ม.6/12 เลขที่ 9ก.

ชอบเนื้อหามากเลยค่ะ

มันทำให้คิดถึงชีวิตจริงของเรา

ไม่ว่าเราจะทำสิ่งใดก็อตาม

แต่ถ้าเราทำให้ดีที่สุด

เราก็มีความสุข

และถ้าเราทำอะไรผิดพลาดไป

เราก็อยากจะย้อนเวลากลับไป

แก้ไขในสิ่งที่เราทำผิดไป

ทั้งๆที่เวลามันย้อนกลับไปไม่ได้

มันก็เลยทำให้เรามีความรู้สึกว่า

ไม่ว่าเราจะทำอะไร

เราควรคิดก่อนทำ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

หนูเป็นคนไม่ค่อยชอบอ่านบทความากเท่าที่ควร

และตอนนี้ทำให้ต้องคิดใหม่แล้วว่า

งั้นมาอ่านบทความเยอะ ๆ น่าจะดีกว่า

เพราะสิ่งที่อ่านนั้น

มีสาระดี ๆ ซ่อนอยู่อย่างแน่นอน

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

นางสาวสโรชินี ศิลปานันทกุล ม.6/4 เลขที่19ข

หนูได้อ่านบทความของอาจารย์แล้วรู้สึกดี

ทำให้หนูได้คิดอะไรหลาย ๆ อย่าง

เกี่ยวกับความคิด ที่มีต่อการอ่าน

ทำให้ชอบอ่านมากขึ้นคะ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เรื่องสั้นนี่อ่านแล้วมีข้อคิดคติ
ดีๆมากมายทำให้หนูได้คิดอะไรหลาย ๆ
อย่างทำให้ชอบอ่านมากขึ้น
น.สธนาภรณ์ จันทร์เกษม 6/5 17ข.

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

วรรณคดีและเรื่องสั้นนี่ให้ข้อคิดและคติสอนใจได้ดีกว่าการดูละครอีกนะคะแถมเรายังได้ฝึกทักษะในการอ่านอย่างมีวิจารณญาณอีกด้วยค่ะ
น.ส.ธนาภรณ์ จันทร์เกษม 6/5 17ข.

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

น.ส.พนิดา แจ้งวิจิตร์ ชั้น ม.6/3 เลขที่ 13 ข
ขอบคุณนะคะ อาจารย์ใจดีที่สุดเลยค่ะ ที่ช่วยเหลือพวกหนูตลอด ได้อ่านเรื่อง "เพื่อนของผม"แล้ว ทึ่งมาก!! อาจารย์แต่งเองหรอคะ คำกก เป็นนามปากกาหรอ แต่งดีอ่ะ อ่านแล้วเห็นภาพเลย นึกถึงเพื่อนเลย บายค่ะ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

บทความนี้ได้ข้อคิดดีมากเลย เป็นกำลังใจให้คนที่เรียนไม่เก่งก็สามารถทำในสิ่งที่ตนเองรักได้
น.ส.ปัทมา เหรียญทอง ม.6/8 เลขที่ 12 ก

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เมื่อได้อ่านแล้ว ก็ทำให้หวนกลับมาคิดถึงในเรื่องของตัวเองที่เกี่ยวกับการเรียนมากๆเลย

... ในบทความนั้นขอเพียงแค่เราสู้ ไม่ยอมแพ้ และตั้งใจทำในสิ่งที่วาดหวังไว้ แม้จะผิดหวังแต่อย่างน้อยก็ยังได้ทำบ้าง อนาคตในช่าวง ม.6 นี้ก็คงเป็นช่วงที่ใครทุกคนต้องเริ่มขวนขวายให้กับตัวเองแล้ว จงพยายามทำให้ดีที่สุด เพื่ออนาคตเรา และคนที่เรารัก ทุกคนก็คงจะมีความสุขเมื่อเรามีวันนั้นที่เราทำสำเร็จ

น.ส.จันทร์ชุดากร จันทร์อำพล ม.6/10 เลขที่13ข

พุฒพร แสงภู่ ม.6/6 เลขที่ 4ก กล่าวว่า...

ผมชอบบทความของอาจารย์มากอ่านแล้วรู้สึกว่าอยากไปหาเพื่อนเก่าเก่า แล้วอีกอย่างถึงเราไม่เก่งเราเราก็สามารถทำสิ่งที่ตัวเองชอบได้
นาย พุฒพร แสงภู่ ม.6/6 เลขที่ 4ก

นางสาวจีรภา สุรโชติ ม.6/5 เลขที่ 9ก กล่าวว่า...

เรื่อง เพื่อนของผม เป็นเรื่องสั้นที่สนุก อานแล้วยิ่งอยากติดตามต่อไปเพื่อจะหาบทสรุปของเรื่อง เป็นเรื่องสั้นที่สอดแทรกคติในด้วนการเรียน การใช้ชีวิตในชั้นม.ปลาย ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน

นางสาวจีรภา สุรโชติ ม.6/5 เลขที่ 9ก

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เรื่องนี้ช่วยให้หนูรู้ว่าหนูต้องตั้งใจและขยันเรียนมากๆๆจะได้ประสบความสำเร็จเราไม่ต้องแข่งกะใครแข่งกะตัวเองก็พอ

น.ส.ชลวิศา บัวแก้ว ม.6/5 เลขที่ 10ก

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เมื่อได้อ่านบทความข้างต้นทำให้ทราบว่าการศึกษาเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ทำให้นึกถึงตัวเองว่าตอนนี้ต้องรีบอ่านหนังสือเริ่มตอนนี้ก็อาจยังจะไม่สายเกินไป


น.ส.เพ็ญจันทร ถึงใจ เลขที่13ข ม.6/5